นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล อายุ 28 ปี หรือน็อต เวคคลับ ดารา-พิธีกรหนุ่ม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อดิเรก พันธุ์ใย รองผกก. (สอบสวน) สน.ยานนาวา เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังนายกิตติศักดิ์ สิงโต หรือ บอย คู่กรณีขับรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ สีเหลือง-ดำ ทะเบียน ญย 8585 กทม. ภายในตลาดบางรัก เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาการเข้าให้ปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 13.00 น. ภายหลังให้ปากคำกว่า 1ชั่วโมง นายอัครณัฐ กล่าวว่า วันนี้ที่เดินทางมาสน.ยานนาวา เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดีรถชนเท่านั้น และตนได้ยืนยันกับพนักงานสอบสวนว่าจะไม่เอาเรื่อง หรือดำเนินคดีใดๆกับนายกิตติศักดิ์แล้ว อย่างไรก็ตามจริงๆแล้วตั้งแต่ต้นตนก็ไม่ได้แจ้งความเอาผิดนายกิตติศักดิ์ไว้ และตอนนี้ตนก็ไม่ต้องการหรืออยากได้อะไรจากนายกิตติศักดิ์ด้วย เพราะตอนนี้ตนรู้สึกผิดมากๆกับนายกิตติศักดิ์ และยืนยันว่าที่ตัดสินใจมาในวันนี้ไม่เกี่ยวกับกระแสสังคม เป็นความรู้ผิดจากตนเองล้วนๆ จึงอยากจะขอโทษทุกๆคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ผู้ใหญ่ที่เอ็นดู พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ตนทำอะไรไปโดยไม่มีสติ ทำให้ผิดหวัง รวมถึงสถาบันที่เคยศึกษา ที่ทำให้เสียชื่อเสียง
"ผมอยากขออโหสิกรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และต้องขอขอบคุณทุกคำติเตือนจากทุกคน ผมจะนำคำแนะนำไปปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ทั้งนี้ยังยืนยันคำเดิมว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับนายกิตติศักดิ์ โดยก่อนหน้านี้ผมได้โทรศัพท์ไปหาแม่ของนายกิตติศักดิ์ แต่ก็ติดต่อไม่ได้ และได้ไปเยี่ยมนายกิตติศักดิ์ที่รพ. แต่ก็ไม่ได้เจอ เพราะไม่มีใครยอมมารับ ซึ่งก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ อาจจะเพราะทุกคนคงโกรธผมมาก" นายอัครณัฐ กล่าว
เมื่อถามว่าวันแรกที่เกิดเหตุ นายอัครณัฐและนายกิตติศักดิ์ได้เจรจาไกล่เกลี่ย กัน ที่สน.ยานนาวา เหตุใดนายอัครณัฐจึงถ่ายคลิปไว้ นายอัครณัฐ กล่าวว่า ตนกลัวว่าทางแม่ของนายกิตติศักดิ์จะผิดสัญญา ตนกลัวมาก จึงได้ทำเช่นนั้น อย่างไรก็ดีหลังจากนี้ ตนคิดว่าจะไปปฏิบัติธรรมสักระยะหนึ่ง ในส่วนของข้อหาและรายละเอียดทางคดี ตนไม่สามารถตอบได้ ขอให้ไปสอบถามกับทางตำรวจว่าเป็นเช่นไร
ทางด้านพ.ต.ท.อดิเรก พันธุ์ใย รองผกก. (สอบสวน) สน.ยานนาวา กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุนายอัครณัฐได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะปรากฏเหตุการณ์ตามคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ในโซเชี่ยล ก่อนที่วันนี้นายอัครณัฐ จะประสานมายังตนว่าต้องการเข้าให้ปากคำเพิ่ม และเมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา นายอัครณัฐได้เดินทางมาพบตนพร้อมระบุว่าไม่ติดใจเอาความกับนายกิตติศักดิ์
อย่างไรก็ตามแม้ว่านายอัครณัฐจะประสงค์เช่นนั้นแต่ในทางคดี คดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความได้ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ดังนั้นทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์ ในข้อหาขับรถโดยประมาท เฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายและหลังเกิดเหตุหลบหนี ไม่หยุดช่วยเหลือและไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะสอบปากคำนายอัครณัฐในฐานะพยานทางคดี และสอบปากคำนายกิตติศักดิ์ในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งได้สอบปากคำนายกิตติศักดิ์ไปเรียบร้อยแล้ว
เบื้องต้นนายกิตติศักดิ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมระบุว่านายกิตติศักดิ์ถูกรถแท็กซี่ชนก่อนที่รถจักรยานยนต์จะไปเฉี่ยวชนกับรถของนายอัครณัฐ อย่างไรก็ดีขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการศาลแขวงพระนครใต้เพื่อดำเนินการต่อไป