8 พ.ย.59 นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความให้ความเห็นกรณี นายกิตติศักดิ์ สิงโต อายุ 25 ปี ซึ่งถูก นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ "น๊อต เวคคลับ" พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง ทำร้ายร่างกาย ว่า หากผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้เอาผิดกับเพื่อนที่มากับ นายอัครณัฐ ว่า เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย ก็สามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบในประเด็นนี้ได้ โดยหลักการเป็นตัวการร่วม มีว่า ต้องอยู่ ใกล้ชิดกับการกระทำความผิดพร้อมที่จะช่วยเหลือได้และคอยดูต้นทาง คอยกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ในลักษณะเป็นการร่วมแรงร่วมใจ ดังนั้น คนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เป็นตัวการร่วมต้องรับโทษเสมือนเป็นผู้ลงมือ
ส่วนที่มองว่า คดีนี้เป็นคดีเล็กน้อยสามารถเปรียบเทียบปรับได้ นั้น ข้อเท็จจริงคดีนี้มี การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ไม่เป็นอันตรายแก่ร่างกาย ตามป.อาญา มาตรา 391 แม้เป็นคดีลหุโทษ สามารถเปรียบเทียบตาม ป.วิอาญา มาตรา 37 ได้ก็ตาม แต่ตราบใดที่ผู้เสียหายไม่ ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ ความผิดทางอาญาย่อมไม่ระงับ
สำหรับที่มองกันว่า มีทนายความของน็อตออกมาปกป้อง และให้คำแนะนำเกี่ยวกับ กฎหมายให้พ้นผิด ทนายความคนนั้นจะมีโทษหรือไม่นั้น ตนเห็นว่า ทนายความโดยทั่วไปนั้นมีหน้าที่ ปกปักษ์รักษาผลประโยชน์ของลูกความและให้ความเห็นทางกฎหมายที่ถูกต้องเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคม แต่ทนายความจะต้องไม่เข้าไปมีส่วนร่วม ส่งเสริมยุยง หรือแนะนำตัวลูกความในทางที่ผิด หรือเกิดความเสียหายแก่ลูกความหรือตนเอง หรือยุให้ลูกความพูดโกหก ซึ่งตนยังไม่เห็นภาพข่าวเกี่ยวกับทนายความดังกล่าว แต่หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทนายความกระทำไม่ถูกต้อง ก็เข้าข่ายเป็นการกระทำเสื่อมเสียของตัวทนายความเอง แต่ทั้งนี้ ผู้เสียหายต้องเข้ามาร้องเรียนที่สภาทนายความด้วย ทนายความคนนั้น ก็อาจจะถูกดำเนินการตาม พ.ร.บ.ทนายความในเรื่องผิดมรรยาททนายความ มีโทษตามกฎหมาย
เลขาธิการสภาทนายความฯ กล่าวต่อด้วยว่า คดีรถเฉี่ยวชนบนถนนสาธารณะเป็นคดีจราจร หากไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บก็จะเป็นคดีแพ่ง และมีโทษปรับเล็กน้อย ตาม พ.ร.บ.จราจร ซึ่งเรื่องลักษณะนี้ สามารถเกิดได้ตลอดเวลาบนท้องถนน แต่เมื่อเกิดการเฉี่ยวชนกันแล้วกลับมีการใช้กำลังประทุษร้ายคดีก็จะบานปลายมีโทษทางอาญาถึงจำคุกหรือ หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพกพาอาวุธติดตัวมาก็จะเป็นอันตรายแก่ตัวคู่กรณีและประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงได้รับอันตรายไปด้วย
ดังนั้น การใช้ทางสาธารณะร่วมกัน จึงไม่ควรใช้อารมณ์หรือก่อเหตุ วิวาทเรื่องนี้หากมีการขอโทษหรือให้อภัยกัน ก็จะไม่ลุกลามบานปลาย จนต้องมีการดำเนินคดี และยกเลิกงาน
อย่างไรก็ตาม หากผู้เสียหายต้องการขอความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย ทั้งในชั้นสอบสวน ชั้นอัยการและชั้นศาล รวมทั้งคดีแพ่งเพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหาย ก็สามารถร้องขอให้สภาทนายความจัดทนายความเข้าช่วยเหลือดูแลให้คำแนะนำ ก็สามารถกระทำได้