ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนระหว่างรถเก๋งมินิคูเปอร์สีเหลืองกับรถจักรยานยนต์ โดยปรากฎคลิป นายอัครณัฐ หรือ น๊อต อริยฤทธิ์วิกุล หรือที่รู้จักกันในวงการบันเทิงคือ "น๊อต เวคคลับ" พิธีกรรถโรงเรียน ทำร้ายร่างกาย นายกิตติศักดิ์ หรือ บอย สิงโต อายุ 25 ปี ข้าราชการฝ่ายคัดกรองเอกสาร สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตลิ่งชัน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และบังคับให้กราบรถ ว่ากรณีนี้ตนได้กำชับ ตำรวจ สน.ยานนาวา ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ โดยเมื่อวานนี้หลังมีคลิปเผยแพร่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการตรงมาที่ตนให้เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ
"ผบ.ตร.เห็นคลิปแล้ว รับไม่ได้ เห็นว่าเป็นคดีจราจรปกติ อุบัติเหตุบนท้องถนนเล็กน้อย แต่กลับปรากฏการทำร้ายร่างกายกันตามที่เห็น ก็รับไม่ได้ ดูเป็นการใช้อารมณ์และไม่มีสิทธิทำขนาดนั้น จึงสั่งกำชับให้ดำเนินการโดยเร็ว ตามกฎหมาย ซึ่งผมเองเห็นแล้วก็รับไม่ได้เหมือนกัน แต่ยืนยันว่าการดำเนินคดี หรือแจ้งข้อหาอะไรก็ต้องดำเนินการตามพยานหลักฐาน ไม่เกี่ยวกับกระแสสังคม จากที่ผมเห็นคลิปที่มีการแพร่กัน ก็เห็นว่ามีการกระชากกันพาข้ามถนน มีการทำร้ายกัน 3 ครั้ง เท่าที่เห็นไม่มีการตอบโต้ ต่อสู้ เห็นการทำร้ายฝ่ายเดียว" รองโฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ต.ทรงพล กล่าวว่า ในการดำเนินคดี พิจารณาแจ้งข้อหาไม่สามารถตัดสินได้จากคลิปเดียว มุมเดียว เรื่องนี้มีประจักษ์พยานจำนวนมาก พนักงานสอบสวนต้องเรียกมาด้วย เพื่อดูว่าก่อนและหลังจากในคลิปเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดอื่นๆ เพื่อประกอบหลักฐาน ทั้งนี้เรื่องนี้ผมมองว่ามันเป็นอุบัติเหตุจราจร ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติบนท้องถนน เกิดอะไรให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ขอให้คุมอารมณ์ อย่าใช้อารมณ์อย่างกรณีนี้ เรื่องแบบนี้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ อย่าพิพากษาเอง
พล.ต.ต.ทรงพล กล่าวต่อไปว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เรื่องนี้แบ่งการดำเนินคดีเป็น 2 ส่วน
"ส่วนที่ 2.กรณีมีเหตุทำร้ายร่างกายกัน ที่ชัดเจนคือนายกิตติศักดิ์ได้รับบาดเจ็บ มีคลิปนายน๊อตทำร้ายนายกิตติศักดิ์ ขณะนี้พนักงานสอบสวนส่งตัวนายกิตติศักดิ์ ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเลิดสิน หากพบว่าบาดเจ็บสาหัสก็ แจ้งข้อหาอาญา มาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และต้องดูด้วยว่าพฤติการณ์มีการข่มขืนใจหรือหน่วงเหนี่ยวอย่างไรหรือไม่ ถ้าเข้าก็แจ้งข้อหาเพิ่มด้วย" พล.ต.ต.ทรงพล กล่าวและว่า ในการทำร้ายร่างกายต้องดูพยานหลักฐานที่ปรากฎต้องดูว่าหากดั้งจมูกหัก ต้องรักษานานเพียงใด เข้าข่ายเจ็บสาหัสหรือไม่ แต่หากไม่ถึงขั้นสาหัสเป็นเพียงการทำร้ายร่างกายก็เป็นข้อหาลหุโทษโทษปรับ 1,000 บาท ทั้งนี้แม้ว่าฝ่ายหนึ่งจะเป็นคนมีชื่อเสียง หรือมีทนายมาด้วยก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดี ทุกอย่างยึดกฎหมาย พบพฤติกรรมเข้าข้อกฎหมายใดก็แจ้ง ไม่เข้าหลักฐานไม่มีก็ไม่แจ้งข้อหานั้น