เพื่อน-แอมเนสตี้ฯ ลุยทวงความคืบหน้าอุ้มหาย ‘วันเฉลิม’
เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 10 นาย ได้ยืนประจำการณ์บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา
จากนั้น เวลา 14.00 น. กลุ่มเพื่อนวันเฉลิมและนักกิจกรรม ได้สวมเสื้อฮาวายหลากสีสัน เนื่องจากเป็นเสื้อที่นายวันเฉลิมใส่เป็นประจำ พร้อมทั้งมีการแจกหน้ากากรูปใบหน้านายวันเฉลิม เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พร้อมชูป้ายระบุข้อความ #หกเดือนเราไม่ลืม และโปสเตอร์ภาพนายวันเฉลิม พร้อมข้อความภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ว่า "พี่สาววันเฉลิมกำลังเตรียมตัวเดินทางประเทศกัมพูชา เพื่อให้ปากคำต่อศาลแขวงกรุงพนมเปญที่ออกหมายเรียก และผลักดันให้มีการสืบสวน" โดยมุ่งหน้าไปยังบริเวณสถานทูตกัมพูชา
ทั้งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางครอบครัวของนายวันเฉลิมและแอมเนสตี้ ประเทศไทย ได้เดินทางไปสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยแล้ว 1 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานว่าทางสถานทูตกัมพูชาปฏิเสธการออกมาพูดคุย โดยรับข้อเรียกร้องของแอมเนสตี้ และกล่าวว่าให้ส่งมอบเอกสารดังกล่าวกับผู้กำกับการ สน.วังทองหลางแทน โดยทางตำรวจจะจัดส่งให้กับกรมพิธีการทูต ซึ่งจะพิจารณาส่งต่อให้สถานทูตต่อไป ทั้งนี้ ทางครอบครัวและแอมเนสตี้จึงตัดสินใจไม่มอบรายชื่อและข้อเรียกร้องดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะกลับมาส่งใหม่ในวันนี้
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ประสานงานว่าจะรับเอกสารไว้ และจะดำเนินการส่งต่อให้สถานทูตกัมพูชาต่อไป โดยทางแอมเนสตี้ฯ จึงตัดสินใจนำ 14,157 รายชื่อกลับไป โดยเตรียมให้ น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 ชุด
นางสาวปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า เราไม่สามารถยอมรับได้กับการที่ใครสักคนที่ต้องการใช้สิทธิในการแสดงออก แล้วโดนปิดปาก การเรียกร้องครั้งนี้จะเห็นได้ว่า เพียงไม่กี่เดือนมีผู้สนับสนุนจำนวนมากให้มีการดำเนินการสืบสวน จึงอยากให้ทางการกัมพูชาดำเนินสืบสวนอย่างเร่งด่วน
"กระบวนการนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้มีการซักถามข้อเท็จจริง เป็นจุดเริ่มต้นในการสืบหาข้อเท็จจริง เป็นสัญญาณที่ดี แต่หวังว่าทางการและคณะจะได้รับการอำนวยในการสืบหาความจริง ไม่ใช่เพียงการบอกว่าได้ทำแล้วนะ เพราะยังไม่เสร็จ และจะมีคำอ้างในเรื่องข้อจำกัด เช่น เรื่องโควิด-19 แต่การตอบรับยังช้าอยู่มาก และกระบวนการที่ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างล่าช้า แม้จะได้รับความร่วมมือก็ตาม เพราะกรณีนี้ผ่านไปแล้ว 6 เดือน แต่การรวมข้อมูลยังไม่มีประสิทธิผลและทันท่วงที ยังถือว่าช้ามาก แต่เมื่อเทียบกับกรณีอื่นๆ ถือว่าเป็นเรื่องมากที่สุดแล้ว แต่ก็ยังน้อยอยู่
"ทุกข้อจำกัด เวลาประสานงานจะมีตัวละครหลายตัว สิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่มีใครรับว่าเป็นงานของใคร เราต้องการให้ภาครัฐทั้ง 2 ประเทศประสานงานร่วมกันให้เกิดการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ซึ่งมักอ้างโรคระบาด แต่ความจริงทำได้ในขอบเขตประเทศตัวเอง หากมีความจริงจังจริงใจในเรื่องนี้ และไม่ว่าผ่านไป 6 เดือน 1 ปี เราไม่หยุดทวงถาม ไม่หยุดรณรงค์ ให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เราจะทวงถามไม่ให้เกิดเรื่องนี้ต่อไป ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แม้จะผ่านไปแล้ว 6 เดือนก็ตาม" นางสาวปิยนุชกล่าว
ด้าน น.ส.ณภัทร ปัญกาญจน์ อายุ 40 ปี บรรณาธิการอิสระ เพื่อนของนายวันเฉลิม กล่าวว่า แม้จะผ่านมา 6 เดือนแล้ว แต่เพื่อนๆ ยังคงติดตามข่าว เรายังคงหวังอยู่ว่าเพื่อนของเราจะกลับมา
จากนั้น มีการแจกแซนด์วิชให้กับผู้ร่วมกิจกรรมและสื่อมวลชน โดยด้านหน้าของกล่องมีภาพนายวันเฉลิม พร้อมข้อความ #หกเดือนเราไม่ลืม #saveวันเฉลิม
นางสาวปิยนุชกล่าวอีกว่า อยากให้ทุกคนรับไว้ เพื่อแสดงความเป็นมิตรภาพ เพราะวันเฉลิมเป็นเพื่อนของทุกคน สังคมยังถามเรื่องนี้ นี่คือมิตรภาพต่อการที่ทุกคนเรียกร้องว่าไม่โอเคกับการอุ้มหาย