แม่เบียร์ รับลูกทำเกินกว่าเหตุ! เผยนาทียื้อชีวิต ลูกน้องแจ๊ส คนในบ้านบอกไม่รู้จัก
ล่าสุดวันที่ 15 ก.ค. นางสุชานันท์ กลิ่นกล่อม อายุ 56 ปี แม่ของ นายเสฎฐวุฒิ จิรัฐยารังษี หรือ เบียร์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทางโทรศัพท์ว่า วันนี้ตนรู้สึกตกใจ เนื่องจากหลังเกิดเหตุดังกล่าว ทำไมบริเวณหน้าบ้านของตนจึงไม่มีรถยนต์มาจอด ทั้งที่ปกติจะมีรถมาจอดจนเต็มหน้าบ้าน ซึ่งคุณซื้อบ้านซื้อรถมา ทำไมจึงไม่จัดการเรื่องที่จอดรถ ไม่ใช่ว่ามาใช้คำพูดว่ามีเรื่องกันมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วว่าลูกของตนไปฆ่าคนของเขา เพราะว่ามีเรื่อง ซึ่งตนว่ามันไม่ใช่ อีกทั้ง เรื่องที่เขาพูดนั้น เขาก็รู้ดีแก่ใจว่าเป็นอย่างไร
"แค่อยากให้ท้ายรถผลขอบประตูออกไปเพื่อที่เราจะสามารถถอยรถเข้าบ้านได้ ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่เป็นปัญหามานานแล้ว มันเป็นเรื่องเก่าที่เราจบกันไปนานแล้ว ต่างคนต่างพึ่งพาอาศัยกันมันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าวันไหนที่คนของเขามาจอดรถขวางทางเข้าบ้าน 3 จุด วันนั้นแม่ก็มีน้ำโหเช่นกัน คือ 1.หน้าบ้านแจ๊ส 2.ตรงข้ามหน้าบ้านแจ๊ส และ 3.ตรงข้างกำแพงบ้านของแม่ จนทำให้แม่ไม่สามารถถอยรถเข้าบ้านได้ ถึงก่อนหน้านั้นไม่เคยมีปัญหา แต่ถ้ารถมาจอด 3 มุมที่ว่าเป็นเรื่อง" นางสุชานันท์ กล่าว
นางสุชานันท์ กล่าวอีกว่า ลูกของตนได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า เขาไม่ได้ตั้งใจทำ แล้วก็ขอโทษสังคมไปแล้วว่าลูกชายของตนเป็นคนใจร้อน เรื่องของเรื่องคือลูกชายของตนเมาเหล้า และก่อนหน้านี้ได้ไปขับรถเฉี่ยวชนมาถึงรถคันดังกล่าวคือรถของเพื่อนผู้ตาย ลูกชายของตนจึงรีบนำรถเข้าบ้าน ก่อนที่ลูกชายของจะขับรถจักรยานยนต์ออกไปดูตรงจุดเกิดเหตุที่บริเวณหน้าปากซอย แต่ระหว่านั้นผู้เสียชีวิตอยู่ที่หน้าบ้านพอดี ซึ่งไปกินเหล้าอยู่ที่บริเวณปากซอยเช่นกัน ได้มีการด่าท่อกันขึ้นถึงกรณีที่ลูกชายตนไปขับรถเฉี่ยวที่หน้าปากซอย ต่างคนต่างเมาจึงได้ด่าท่อกัน
นางสุชานันท์ กล่าวด้วยว่า ก่อนจะทำร้ายร่างกายกันและเสียงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเพื่อนของลูกและภรรยาของลูกจากที่ตนหลับอยู่ ก็ลงมาห้ามลูกตัวเอง ระหว่างตอนห้ามกันก็มีการปาของกันไปมา ตนกลัวว่าคนเจ็บจะมีอาการหนักกว่านี้ ก็เลยช่วยกันแบกคนเจ็บ ใช้คำว่าแบกคนเจ็บ ระหว่างนั้นก็ตะโกนเรียกคนในบ้านของแจ๊สให้ออกมาช่วย เรียกจนมีคนออกมาคือ ผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายหนึ่งคน ซึ่งคนในบ้านบอกว่าไม่รู้จัก บอกเพียงแต่ว่าไม่รู้จักคนเจ็บ
"ซึ่งตอนกู้ภัยมา ระหว่างนั้นยังมีการซีพีอาร์ ถ้าตอนนั้นคนในบ้านแจ็สออกมาช่วยเหลือน้องในช่วงเวลานั้น ก็อาจจะทำให้น้องไม่เสียชีวิตก็ได้ แม่ช่วยแล้วไม่ใช่ไม่ช่วย ยืนยันอีกอย่างหนึ่งไม่ได้มีกระถางอะไรกระแทกหัวของผู้ตายแน่นอน ซึ่งเพิ่งมารู้ภายหลังว่าผู้ตายมีสุขภาพที่ไม่ดี มีปัญหาทางสมอง ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งสองฝ่ายคู่กรณีก็ต่างคนต่างมีครอบครัว ถ้าเหตุการณ์ต่างคนต่างไม่เมาก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งแม่ก็เห็นใจฝ่ายผู้ตายว่าลูกตัวเองก็ทำเกินกว่าเหตุ" แม่ของเบียร์ กล่าว