ครอบครัวตัวประกันไอเอสหวังจับเป็น จีฮัดจอห์น

ครอบครัวตัวประกันไอเอสหวังจับเป็น จีฮัดจอห์น


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ว่าหลังสำนักข่าวชื่อดังของโลกนำโดยบีบีซีของอังกฤษ เผยข้อมูลสำคัญเมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับ "จีฮัดจอห์น" นักรบชุดดำของกลุ่มไอเอส ซึ่งปรากฏตัวในคลิปการตัดศีรษะตัวประกันทุกครั้ง ว่ามีชื่อสกุลจริงคือ นายโมฮัมเหม็ด เอ็มวาซี เป็นชาวอังกฤษเชื้อสายคูเวต อายุราว 26-27 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์ และมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของหน่วยสืบราชการลับ "เอ็มไอ 5" นั้น

นางดรากานา เฮยน์ส ภรรยาของนายเดวิด เฮยน์ส เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ อายุ 44 ปี ซึ่งถูกกลุ่มไอเอสตัดศีษะ แล้วนำคลิปออกเผยแพร่เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว กล่าวแสดงความหวังว่า รัฐบาลอังกฤษและหน่วยงานทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง จะสามารถ "จับเป็น" เอ็มวาซีได้ และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย เนื่องจากหากเอ็มวาซีเสียชีวิตในปฏิบัติการล้อมจับกุมของหน่วยรบพิเศษ อาจกลายเป็นการ "เข้าทาง" กลุ่มไอเอส ที่จะใช้การเสียชีวิตของเอ็มวาซีเป็นโฆษณาชวนเชื่อปลุกระดมต่อไปอีก

ขณะที่ครอบครัวของนายสตีเวน ซ็อตลอฟฟ์ ตัวประกันผู้สื่อข่าวอิสระชาวอเมริกัน เผยว่าต้องการให้รัฐบาลวอชิงตันนำตัวเอ็มวาซีมาขึ้นศาล ด้านนางไดแอน โฟลีย์ มารดาของนายเจมส์ โฟลีย์ ผู้สื่อข่าวอิสระชาวอเมริกัน ตัวประกันชาวตะวันตกคนแรกที่กลุ่มไอเอสสังหารต่อหน้ากล้อง เมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว กล่าวอโหสิกรรมให้เอ็มวาซี

ทั้งนี้ ข้อมูลที่มีการเผยแพร่ออกมาโดยบีบีซีเป็นสื่อแรก ระบุว่า เอ็มวาซีเป็นบุตรชายของครอบครัวที่บิดามีอาชีพขับรถแท็กซีอยู่ในกรุงลอนดอน หลังจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเมื่อปี 2552 เดินทางไปยังแทนซาเนียแต่ถูกปฏิเสธการเข้าประเทศ จึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังเนเธอร์แลนด์แทน และถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบปากคำก่อนส่งตัวกลับอังกฤษ

ต่อมาในเดือนก.ย. 2552 เอ็มวาซีเดินทางไปยังคูเวต แล้วกลับมาที่อังกฤษเมื่อเดือนก.ค. 2553 ต่อมามีแผนเดินทางกลับไปที่คูเวตอีก แต่ไม่ได้รับการอนุมัติวีซ่า หลังจากนั้นเอ็มวาซีสอบผ่านหลักสูตรฝึกอบรมครูผู้สอนภาษาอังกฤษ ( เซลต้า ) เมื่อปี 2555 ก่อนพยายามเดินทางเข้าไปในคูเวตอีกหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จแล้วหายตัวไปอย่างลึกลับ ครอบครัวจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ และ 4 เดือนต่อมา มีรายงานเข้ามาที่เอ็มไอ 5 ว่าเอ็มวาซีเดินทางเข้าไปในซีเรียแล้ว



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์