วิจัยพบผู้สูงอายุใน กทม.เกินครึ่งถูกลอยแพ

ตีแผ่ข้อมูลน่าสนใจงานวิจัยพบผู้สูงอายุในกทม.มีแนวโน้มอยู่ตามลำพังเกินครึ่ง พร้อมแนะรัฐควรลดภาษี สร้างศูนย์ดูแลให้ทั่วถึงและช่วยผ่อนคลายความเครียด...

นายวรเวศม์ สุวรรณระดา อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยการเงินการคลังสำหรับการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในเขตกรุงเทพฯ และภูมิภาค สนับสนุนโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)กล่าววันนี้ (27 ต.ค.) ว่า ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มผู้สูงอายุในเขตเมือง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ มีความต้องการบริการการดูแลจากภายนอกครอบครัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุระดับพึ่งพาไม่สูง แต่ต้องอยู่ตามลำพังพบถึงร้อยละ 54 ส่วนผู้สูงอายุที่มีฐานะจะจ้างผู้ดูแล หรือคนในครอบครัวคอยดูแลพบร้อยละ 41 ขณะที่ผู้สูงอายุที่มีระดับการพึ่งพาสูงและมีคนในครอบครัวดูแลพบร้อยละ 4

นายวรเวศม์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุ พบว่า ค่าใช้จ่ายรวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 หมื่นบาทต่อคนต่อปี หากเป็นผู้สูงอายุที่มีระดับการพึ่งพาสูงและต้องจ้างคนนอกดูแลทั้งหมด จะสูงถึง  1.4 แสนบาทต่อคนต่อปี อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้บริการจากผู้ดูแลภายนอกหรือสถานบริการดูแลผู้สูงอายุนั้น ขึ้นอยู่กับรายได้และภาระค่าใช้จ่ายของแต่ละครอบครัว และราคาของค่าบริการเป็นสำคัญ นอกจากนั้น ยังมีต้นทุนแฝงที่มองไม่เห็น คือค่าเสียโอกาสของผู้ดูแลที่เป็นสมาชิกในครอบครัวที่จำเป็นต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ต้องลางานเพื่อมาดูแลเป็นครั้งคราว

นายวรเวศม์ กล่าวอีก จากผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลควรสนับสนุนให้มีการประกันดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว รวมถึงการออกมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ต้องดูแลผู้สูงอายุ สร้างกฎกติกาที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้สูงอายุและครอบครัวที่จะใช้บริการจากสถานบริการหรือศูนย์บริการดูแลผู้สูงอายุ โดยจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดบริการเพื่อกำหนดกติกาที่เป็นธรรม ขณะที่กรุงเทพฯควรสร้างศูนย์บริการดูแลผู้สูงอายุ ในพื้นที่ต่างๆ ให้ทั่วถึง พร้อมทั้งให้คำปรึกษากับผู้ดูแลเพื่อลดความเครียดจากการดูแลผู้สูงอายุ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์