เฉลิม ปัดเป็นนอมินี บิ๊กจิ๋ว

การเดินทางไปประเทศอังกฤษเพียงเพื่อชมการแข่งขันฟุตบอล ยอมรับว่าได้พบปะและร่วมรับประทานอาหารกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่มีการเจรจาทางการเมือง


กรณีที่ระบุว่าตนเป็นนอมินีของ พล.อ.ชวลิตไปต่อรองกับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ส่วนตัวคงไม่มีความสำคัญเพียงพอที่ พล.อ.ชวลิตจะมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจที่สำคัญเช่นนี้ และ พล.อ.ชวลิตกับ พ.ต.ท.ทักษิณก็สนิทสนมกันดี หากจะเจรจาอะไรคงไม่ต้องทำผ่านตน ผู้สื่อข่าวถามว่ายังยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่เคยประกาศไว้หรือไม่ว่าหาก พล.อ.ชวลิตไปสังกัดพรรคการเมืองใด ร.ต.อ. เฉลิมจะตามไปอยู่ด้วย ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า คงไม่มีการผูกมัดกัน แม้ที่ผ่านมาเคยร่วมงานการเมืองกับ พล.อ. ชวลิตมานาน ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมากกว่า สำหรับกระแสข่าวระบุว่าหากตนย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชาชนจะได้รับการวางตัวให้เป็นแม่ทัพช่วยดูแล กทม. และจะให้บุตรชายลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น เรื่องนี้งงมาก ไม่รู้ว่าข่าวมาจากไหน ไปจัดการกันเสร็จสรรพ ทั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจทางการเมืองเลย


โต้ข่าว บิ๊กจิ๋ว รับปากช่วย พปช.


พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ในฐานะคนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันเดียวกันได้เข้าพบ พล.อ.ชวลิต จึงได้ถือโอกาสสอบถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า พล.อ.ชวลิตอาจตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งได้รับคำตอบว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง มีแต่ลูกน้องที่ต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ พล.อ. ชวลิตยืนยันตลอดว่าจะไม่เข้าข้างฝ่ายใด เพราะต้องการเป็นโซ่ข้อกลางจริงๆ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ทุกคนสับสน พล.อ.ชวลิตจึงจะเปิดใจทุกเรื่องในการสัมมนา “ทิศทางการเมืองไทย” ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 24 ก.ย.นี้ “ผมเห็นว่าคนพวกนี้คอยทำให้ท่านเดือดร้อนอยู่เรื่อย อยากให้ท่านไปอยู่ช่วยพรรคพลังประชาชน แต่ท่านบอกว่าแนวทางของท่านไม่ใช่อย่างนี้” 


กลุ่มสมานฉันท์ยังไม่มีข้อสรุป
 

นายเอกภาพ พลซื่อ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด สมาชิกกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ กล่าวว่า นายพินิจ จารุสมบัติ นายสุวิทย์ คุณกิตติ และนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ แกนนำกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ และนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้หารือถึงทิศทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยวางแนวไว้ 3 ทางเลือกคือ ตั้งพรรคเอง ต่อยอดพรรคกิจสังคม หรือไปร่วมกับพรรคชาติไทย แต่ในการหารือครั้งล่าสุดสมาชิกกลุ่มส่วนใหญ่เสนอว่าควรตั้งพรรคเองมากกว่า เพราะการไปรวมกับพรรคการเมืองอื่นอาจทำให้กระทบต่อกระแสและฐานเสียงในพื้นที่ รวมทั้งอาจมีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ดังนั้น หากตั้งพรรคเองก็น่าจะดีกว่า โดยประกาศเป็นทางเลือกใหม่ เชื่อว่าศักยภาพของกลุ่มสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม แกนนำกลุ่มจะหารือกันอีกครั้งในวันที่ 30 ก.ย. เพื่อตัดสินใจครั้งสุดท้าย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์