เจอโวย..ทุกด่านเลย.!

นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะโฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยผลการรวบรวมความคิดเห็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และผู้อำนวยการ สำนักงานประจำศาลและสำนักงานศาลยุติธรรมประจำภาค 1-9 ต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550

แสดงจุดยืนศาล ไม่เอาด้วยกับ 3 ปมใหญ่

ในเรื่องแก้วิกฤติปัญหาของประเทศ ตามมาตรา 68 วรรค 2 ที่ให้ประธานศาลฎีกา และประธานองค์กรอิสระอื่นๆ เป็นองค์คณะในการประชุมร่วมกัน ในการแก้ปัญหาของประเทศ

ศาลเห็นว่า เป็นเรื่องการเมือง ไม่สมควรที่จะให้ผู้พิพากษาที่มีหน้าที่นั่ง พิจารณาอรรถคดีที่จะเข้ามาสู่ศาล เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

มาตรา 107 ในเรื่องการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ที่ให้ผู้พิพากษาศาลฎีกาเป็นคณะกรรมการสรรหา

ศาลมองว่า ไม่ใช่หน้าที่ของผู้พิพากษาที่จะไปสรรหาบุคคล ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

มาตรา 236, 245 และ 247 ที่ให้ประธานศาลฎีกา เป็น 1 ใน 5 ผู้สรรหา 3 องค์กรอิสระที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ คือผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

ศาลพิจารณาแล้ว เป็นการปฏิบัตินอกหน้าที่ของผู้พิพากษาศาลยุติธรรม อาจทำให้สูญเสียความเป็นกลาง

ตุลาการภิวัฒน์ถูกบอกปัด

และก็เป็นอะไรที่น้ำเสียงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ท่าทีของ "บุรุษคาบไปป์" น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ปกติจะเสียงแข็งใส่คนที่แหยมคัดค้านรัฐธรรมนูญ

ออกตัวเสียงนิ่มๆ พร้อมรับฟังความเห็นทุกฝ่าย และพร้อมทบทวนทุกประเด็นเพื่อ ประโยชน์สูงสุดของประชาชน

จากเสียงโวยของนักเลือกตั้งที่โดนตัดลดจำนวน ส.ส. มาถึงม็อบพระ เณร กดดันให้บัญญัติ "พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" มาถึงเสียงท้วงนิ่มๆแต่หนักแน่นของศาล ไม่เอาด้วยกับตุลาการภิวัฒน์

นักการเมือง พระ ศาล 3 ด่านใหญ่ๆ

ไม่มีด่านไหนที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 จะผ่านได้แบบไร้แรงเสียดทานเลย

จึงไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่น่าแปลกอะไร กับท่าทีที่อ่อนลงยวบยาบของ น.ต.ประสงค์

"คงไปพูดกันในขั้นการแปรญัตติ น่าจะได้เห็นว่ามีประเด็นใดบ้างที่ต้องแก้ไข ปรับปรุง โดยต้องนำผลการรับฟังความเห็นจากทุกภาค มาประกอบการพิจารณาด้วย"

"จะนำทุกความเห็นมาพิจารณา 12 องค์กรก็ดูในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ องค์กรของเขา คงมองไม่กว้าง อยากให้ทุกคนดูรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ อย่าดูเฉพาะจุดหนึ่งจุดใด ขอให้ดู เนื้อหาสาระสำคัญที่ให้สิทธิกับ ประชาชนมากกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา

แบะท่าพร้อมเคลียร์ปมที่ถูกตั้งแง่คัดค้าน

แต่อย่างไรก็ดี ถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า เวลาที่เหลืออยู่จะทันกาลหรือไม่ กับสารพัดปมเงื่อนในร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ถูกคัดค้าน

ถ้าต้องแก้กันแบบยกเครื่อง

ที่แน่ๆเลย น่าจะเป็นอะไรที่ต่อเนื่องกัน กับอาการขยับของ นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเสนอให้เลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งให้เร็วขึ้นกว่า กำหนดเดิมที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ล็อกไว้ในวันที่ 16 หรือ 23 ธันวาคม ปลายปี

พูดซ้ำกันเป็นครั้งที่สองแล้ว

และก็ไม่ลืมล็อกโปรแกรมเผื่อไว้ ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ คมช.กับรัฐบาลก็จะหยิบยกรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งขึ้นมา

แต่ก็ไม่ทำให้การเลือกตั้งช้าออกไป เพราะระยะเวลาใกล้เคียงกัน

เตรียมเจาะช่องหายใจล่วงหน้าเลย.

ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ