อินทรีสาวมะกันผงาด ก่อนศึกชิงปธน.2008

นางแนนซี สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานสภาหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์


ต้อนรับปีใหม่ค.ศ.2007 สหรัฐอเมริกาก็มีข่าวฮือฮา เมื่อนางแนนซี เปโลซี วัย 66 ปี สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานสภาหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของสภาคองเกรส พร้อมฉายา "มาดาม สปีกเกอร์"

นอกจากอเมริกาจะได้ประธานสภาหญิงคนแรก จำนวนผู้แทนหญิงก็เพิ่มพรวดขึ้นด้วยภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภากลางเทอมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2549 การเลือกตั้งดังกล่าวจึงไม่เพียงแต่เป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของพรรคเดโมแครต แต่ยังเป็นชัยชนะของผู้หญิงด้วย

จำนวนผู้สมัครหญิงมีมากกว่า 140 คน เป็นจำนวนที่มากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐสภาซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาแคปิตอลฮิลล์แห่งนี้จะมีผู้ชายมากกว่า แต่จำนวนผู้แทนหญิงก็เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1 มาเป็น ร้อยละ 16.5 โดยมีหญิงเก่งผ่านสภาเข้ามาได้ทั้งสิ้น 86 คน แบ่งเป็นสภาสูง 16 คน จากสมาชิก 100 คน และสภาล่าง 70 คน จากสมาชิก 435 คน จนนักวิเคราะห์การเมืองตั้งข้อสังเกตว่าปี 2550 น่าจะเป็นปีทองของนักการเมืองหญิง


กลับมาพูดถึงนางเปโลซี ตำแหน่งประธานสภาทำให้เธอมีอำนาจเป็นรองแค่ประธานาธิบดีบุชและรองประธานาธิบดีดิก เชนีย์ เท่านั้น เรียกได้ว่าเปโลซีเป็นผู้หญิงคนแรกที่มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลสหรัฐ


เปโลซีลั่นวาจาว่าถึงเวลาที่ผู้หญิงจะเข้ามาทำความสะอาดบ้านเสียที


ส่งให้คุณแม่ของลูก 5 คน และหลานอีก 5 คน ได้รับการขนานนามว่า เป็นผู้ที่จะเข้ามาเขย่าบัลลังก์สภาในโลกการเมืองของสหรัฐ

เปโลซีลั่นวาจาว่าจะฟื้นฟูจริยธรรมและความมีอารยะของรัฐบาลให้กลับคืนมา โดยระบุว่า "ถึงเวลาที่ผู้หญิงจะเข้ามาทำความสะอาดบ้านเสียที" ซึ่งหมายถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นที่มีอยู่อย่างกว้างขวางในสภาอันทรงศักดิ์ของสหรัฐ

นักการเมืองหญิงเชื้อสายอิตาลียังให้คำมั่นจะสนับสนุนให้เกิดการทำงานในลักษณะร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้นซึ่งออกจะขัดกับในอดีตที่สภาถูกรีพับลิกันและผู้ชายคุมเกม นอกจากนี้การที่ได้ประธานสภาหญิงยังส่งผลให้ประเด็นเกี่ยวกับสตรีได้รับความสำคัญมากขึ้น


โดยในช่วง 100 ชั่วโมงแรกของการทำหน้าที่ในสภา เปโลซี กล่าวว่า ตนจะผลักดันให้มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งหากเป็นไปได้จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้หญิงครั้งยิ่งใหญ่เพราะชนชั้นแรงงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและได้รับค่าแรงต่ำมาก

ปรากฏการณ์ที่ผู้หญิงเข้าสู่เส้นทางการเมืองไม่จำกัดเฉพาะในกรุงวอชิงตัน แต่ยังเกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยมีผู้หญิงทำงานราชการอยู่ 2,433 คน ผู้ว่าการรัฐหญิงมี 9 คน จากทั้งหมด 50 คน

คาเร็น ไวท์ เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของทั้งพรรคเดโมแครตและผู้หญิง

การที่จำนวนผู้แทนหญิงเพิ่มขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากโครงการสนับสนุนบทบาทสตรีของทั้งพรรคการเมืองและกลุ่มเอกชน

คาเร็น ไวท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนนักการเมืองหญิงของพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของทั้งพรรคเดโมแครตและผู้หญิง เราทำงานหนักกว่า 10 ปี เพื่อให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทสำคัญในเส้นทางการเมืองและโอกาสก็มาถึงมือผู้หญิงในปี 2549

ผลการสำรวจพบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกนักการเมืองหญิงเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่า แม้ว่าตัวเลขโดยรวมที่เลือกนักการเมืองหญิงเมื่อเทียบกับที่เลือกนักการเมืองชายยังต่ำ โดยอยู่เพียงร้อยละ 21 เท่านั้น

บทสรุปของผู้หญิงบนเส้นทางการเมืองของสหรัฐแท้จริงต้องวัดที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2008 เมื่อฮิลลารี คลินตัน วุฒิสมาชิกหญิงรัฐนิวยอร์ก สังกัดพรรคเดโมแครต ในฐานะตัวเต็งลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี อาจเป็นผู้หญิงคนต่อไปที่จะเข้ามาเขย่าบัลลังก์ทำเนียบขาว และเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา


ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์