สหรัฐประณามความรุนแรง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน กทม.

สหรัฐประณามความรุนแรง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน กทม.

สหรัฐประณามความรุนแรง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน กทม.-ย้ำจุดยืนหนุนระบอบประชาธิปไตย

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ม.ค. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สนป.กห.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) พร้อมด้วยนน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รักษาการ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะที่ปรึกษา โฆษก และเลขานุการศรส. ร่วมแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ

โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากวันที่ 21 ม.ค.รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในประเทศไทย

โดยมีเนื้อหาว่า “รัฐบาลสหรัฐอเมริกาขอประณามความรุนแรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน กทม. ทั้งที่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต และเรียกร้องให้ทางการไทยสืบสวนสอบสวน นำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และขอให้ละเว้นการทำความรุนแรง รวมทั้งยึดมั่นความยุติธรรม และขอสนับสนุนสถาบัน ระบอบประชาธิปไตยในไทย ซึ่งไทยเป็นเพื่อนและมีมิตรภาพมายาวนาน ทั้งนี้ขอสนับสนุนให้ทุกฝ่ายยึดมั่นการหารืออย่างจริงใจเพื่อแก้ปัญหาอย่างสันติ”

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และตั้ง ศรส.ขึ้น
 
โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้และมีกำหนดใช้ระยะเวลา 60 วัน เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้รุนแรงและเป็นอันตรายจากกลุ่มคนที่สร้างสถานการณ์ก่อเหตุร้าย ทั้งนี้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดในการประท้วงและขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ รัฐบาลพร้อมเจรจากับผู้ชุมนุมเพื่อหาทางออกอย่างสงบสุข

ด้านน.อ.อนุดิษฐ์  กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

ตามที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีทำให้สถานการณ์บานปลายและส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งรัฐบาลทราบดีว่าการใช้กฎหมายนี้ จะส่งผลกระทบสร้างความหวาดวิตกแก่ประชาชน โดยมีการปลุกระดมให้ประชาชนเข้าใจผิด บิดเบือนข้อเท็จจริงสร้างความกลัวจากพ.ร.ก.ดังกล่าว 

ทั้งนี้ รัฐบาลขอเรียนถึงแนวทางการดำรงชีวิตของประชาชนโดยไม่ขัดต่อกฎหมายดังนี้

1.ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติเช่นเดิม ทั้งการเดินทาง การทำงาน การชุมนุมสังสรรค์ภายใต้สิทธิตามกรอบของกฎหมาย 2.ให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กรณีต่างๆ เช่น การตรวจค้นยานพาหนะ โดยเฉพาะยามวิกาล 3.หลีกเลี่ยงการมั่วสุ่ม การชุมนุมที่สร้างความรุนแรง โดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองที่กระทำผิดทางกฎหมาย 4.สุดท้ายนี้ ขอให้ประชาชนทำความเข้าใจว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อประโยชน์รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แม้ว่าพ.ร.ก.ดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐใช้กฎหมายได้อย่างเข้มข้นก็ตาม แต่รัฐบาลจะใช้เพื่อคุ้มครองความสงบของประชาชนอย่างเท่าเทียมตามหน้าที่ของรัฐบาล และเป็นการป้องปรามผูัประสงค์ร้ายไม่ให้มีการสร้างสถานการณ์รุนแรง ทั้งนี้ขอให้ประชาชนได้สบายใจและใช้ชีวิตอย่างปกติสุข 

ภายหลังการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้ตั้งถามถึงสถานที่ตั้งของศรส.คือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมหรือไม่

นายสุรพงษ์ ตอบว่า ที่ทำงานของ ศรส.มี 2 แห่ง โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)เป็นหลัก และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส.อยู่ที่ใด นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ประชุมศรส.ประกอบด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะ รอง ผอ.ศรส.และพลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขาสมช. รวมทั้งผูัที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมที่กระทรวงแรงงานเพื่อดูข้อกฎหมายทั้งหมด และจะมีการใช้วิดิโอคอนเฟอเร้นประสานการทำงานของทั้งสองแห่ง ยืนยันว่าการที่กลุ่ม กปปส.มาชุมนุมปิดล้อมอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานแต่อย่างใด นายกฯยังทำงานได้ปกติ และนายกฯอยู่ภายในอาคารตลอดที่มีการปิดล้อม 

"มีเสียงรบกวนนิดหน่อยขณะประชุม แต่ไม่ได้สนใจ และนายกก็ไม่ได้หนีไปไหน นอกจากออกไปทานข้าวเที่ยง แต่ออกไปช่วงไหนไม่รู้ "นายสุรพงษ์กล่าวและว่า ส่วนมีการประกาศไล่ล่าตน ร.ต.อ.เฉลิมนั้น ตนเห็นว่ามีการประกาศมาหลายครั้งแล้ว และไม่ถือว่าเป็นการท้าทาย แต่เราก็ยังทำงานได้ตามปกติ 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์