รอ“วีระ”ตัดสินใจยื่นฎีกาประกันตัวรอบสาม

สภาทนายความเขมร เบรก “การุณ ใสงาม” ขอแจมเป็นทนายว่าความคดี 7 คนไทย 

ส่วน “บัวแก้ว” รอ “วีระ” ตัดสินใจยื่นฎีกา ประกันตัวรอบสาม ยันพร้อมสนับสนุน เผยหากตกลงยื่นฎีกา มีลุ้นรับข่าวดีอาทิตย์หน้า แต่ยังกั๊กศาลกัมพูชาตัดสินพิพากษา 1 ก.พ.นี้ ส่วน “6 คนไทย” ยังเก็บตัวเงียบในสถานทูต หลังได้รับอิสรภาพ หมอบินตรวจยันแข็งแรงดี ด้านม็อบเครือข่ายฯ แถลงการณ์ประณามจับ “ไชยวัฒน์” แฉเป็นแผนรัฐบาลตัดตอนการชุมนุม หวั่นลุกลามขยายวง ประกาศยกระดับการต่อสู้เป็นขับไล่รัฐบาล “มาร์ค” ตามแผนอภิวัฒน์ประเทศ กร้าว!ทวงคืนพระราชอำนาจ ตามมาตรา 7  ให้ “ในหลวง” ทรงวินิจฉัยผ่าทางตัน  พร้อมถกตำรวจยอมถอยคืนถนน ช่วงนักเรียนไป-กลับโรงเรียน  “เทพเทือก” ยังมั่นใจแนวทางขออภัยโทษ ประกาศลั่น! ม็อบชุมนุมต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย อย่าทำคนกรุงเดือดร้อน 

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้า  หลัง “4 คนไทย” ได้รับการประกันตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา

ตามนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ และนางนฤมล จิตรวะรัตนา ที่ได้ประกันตัวไปก่อนหน้านี้  ภายหลังถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวในข้อหาลักลอบเข้าเมืองฯ หรือรุดล้ำเขตแดน ยกเว้นนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ซึ่งศาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าเพราะถูกตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหาร เพิ่มเติม และกลัวจะไปสร้างความวุ่นวาย รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของตัวนายวีระเอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว ว่า  ทั้ง 6 คนไทย ซึ่งประกอบด้วย นายพนิช ,นายกิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี ผู้ช่วยฯ ,ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ,นายตายแน่ มุ่งมาจน ,นางนฤมล จิตรวะรัตนา และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ผู้ช่วยฯ นายวีระ ซึ่งแม้ น.ส.ราตรี จะถูกตั้งข้อหาจารกรรมฯ เช่นเดียวกับนายวีระ  แต่ศาลให้ประกันตัว เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการสืบสวน โดยทั้งหมดยังคงพักอยู่ในทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ แต่เก็บตัวเงียบ ขณะที่ นายวีระยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเปร์ยซอ

ด้านนายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.)เปิดเผยว่า 

ขณะนี้เหลือเพียงนายวีระ คนเดียวที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำเปร์ยซอ โดยเมื่อช่วงเช้า น.ส.มธุรพจนา อินทระรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล เดินทางไปประเทศกัมพูชา พร้อมคณะแพทย์ เพื่อไปตรวจร่างกายของคนไทยทั้ง 6 คน ที่ได้รับการประกันตัว พบว่า ทุกคนมีกำลังใจดี และส่วนใหญ่ไม่เจ็บป่วย มีเพียงคนเดียวที่ป่วยเป็นไข้หวัด ส่วนที่มีข่าวว่าศาลกัมพูชาจะดำเนินการไต่สวนหรือพิพากษาคดีในวันที่ 1 ก.พ.นี้นั้น นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ยังไม่ยืนยัน และเรื่องจะยื่นขอฎีกาประกันตัวนายวีระกับศาลสูงสุดของกัมพูชาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายวีระ หากนายวีระไม่ต้องการ ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ รวมทั้งสรรหาทนายความและล่ามเพิ่มเติม ตามการร้องขอของมารดานายวีระ ก็ต้องขึ้นอยู่กับนายวีระเอง แต่สถานทูตไทยได้หาเพิ่มไว้แล้ว 2-3 คน


อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมานายวีระต้องการให้ทีมที่ปรึกษาเครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ

นำโดยนายการุญ ใสงาม มาเป็นทนายความร่วม และได้ส่งเรื่องให้สภาทนายความกัมพูชาแล้ว แต่ทางสภาความทนายกัมพูชา ได้ปฏิเสธและไม่เห็นด้วยที่จะให้ทนายความไทยเข้าไปร่วมพิจารณาคดีนี้ และการที่นายวีระไม่ได้ประกันตัวเพียงคนเดียว ทีมทนายความกัมพูชาได้เข้าหารือกับนายวีระว่าจะยื่นฎีกาขอประกันตัวหรือไม่ แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับนายวีระ อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตไทย พยายามช่วยเหลือสนับสนุนทุกด้าน เพื่อให้คดีของนายวีระสิ้นสุดโดยเร็ว ซึ่งหากนายวีระยอมรับขั้นตอนการขอฎีกาประกันตัว อาจจะได้ข่าวดีในสัปดาห์หน้า และล่าสุดทีมที่ปรึกษาเครือข่ายฯ ได้เข้าเยี่ยมนายวีระแล้ว

ส่วนที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.30 น. กลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวรักชาติ ยังคงปัดหลักชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง
 
แต่มีผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา และมีกิจกรรมทางศาสนาตลอดทั้งวัน โดยสมณะโพธิรักษ์ ผู้นำสันติอโศก ได้นำผู้ชุมนุมสวดมนต์ทำวัตรเช้า และเทศนาให้ผู้ชุมนุมฟัง ต่อมานายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ แถลงมติเครือข่าย โดยมีการออกแถลงการณ์ ประณามกระทำของรัฐบาลและตำรวจในการจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำเครือข่ายฯ ในคดียึดสนามบิน โดยมองว่าเป็นความตั้งใจของรัฐบาล ซึ่งคนสำคัญในรัฐบาลเตรียมแผนการนี้ไว้นานแล้ว เพื่อไม่ให้การชุมนุมขยายวงกว้างออกไปกว่านี้ และเชื่อว่านายไชยวัฒน์จะต่อสู้นำมาสู่การเพิกถอนหมายจับในข้อหาก่อการร้ายได้สำเร็จ

สำหรับแนวทางการต่อสู้ต่อไปนั้น นายสุนทรกล่าวว่า จะยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
 
เพราะเชื่อว่าเป็นรัฐบาลขายชาติ ต้องการทำลายเครือข่าย แม้นายวีระจะได้ประกันตัว และคนไทยทั้งหมดเดินทางกลับประเทศ ก็จะไม่ยุติการชุมนุม จะปักหลักที่หน้าทำเนียบต่อไป โดยพร้อมจะร่วมกับทุกสีทุกกลุ่ม ไม่คนเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือเสื้อหลากสี โดยยกระดับเป็นเครือข่ายพลังแผ่นดินอภิวัฒน์ประเทศไทย ทวงคืนพระราชอำนาจให้พระมหากษัตริย์ ผ่านมาตรา 7 ที่ต้องมอบคืนอำนาจทั้งปวงให้พระเจ้าอยู่หัว ทรงวินิจฉัยเพื่อแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองที่เลวร้ายตกต่ำไปทุกด้าน จนประเทศหมดทางไป และแผ่นดินไทยอาจต้องตกเป็นประเทศราชของกัมพูชา โดยแนวทางคือตนจะเดินสายหาแนวร่วมในการอภิวัฒน์ประเทศไทย
 

“ตั้งใจว่าไปพบเพื่อหารือกับนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย และนพ.ประเวศ วะสี ประธานสมัชชาคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย ให้นำแผนปฏิรูปประเทศไทยที่นายอภิสิทธิ์ หลอกคนแก่ให้มาทำ แล้วก็ไม่เอาแผนดังกล่าวไปปฏิบัติจริง โดยเอาแผนมาให้กับภาคประชาชนจะปฏิรูปประเทศไทยสำเร็จ รวมทั้งจะเดินสายไปพบกับแกนนำเสื้อแดง เสื้อเหลือง และสีอื่นๆ เพื่อให้หันหน้ามาร่วมผลักดันแนวคิดนี้ ซึ่งถ้าร่วมเป็นพลังแผ่นดินสำเร็จ มั่นใจว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดเร็วๆ นี้ จะรณรงค์ให้ประชาชน no vote ให้ได้ 51%  ซึ่งจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง และจะใช้มาตรา 7 เพื่อให้พระองค์ลงมาวินิจฉัยว่า การเมืองไทยควรเป็นอย่างไร แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งในกลางปีนี้ จะชุมนุมจนกว่าจะอภิวัฒน์ประเทศไทยสำเร็จ” ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้เข้ามาเจรจากับสมณะโพธิ์รักษ์ เพื่อขอเปิดเส้นทางจราจรบริเวณถนนพิษณุโลก ที่กลุ่มเครือข่ายฯ ปักหลักชุมนุมตลอดเส้นทุกช่องทาง ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก โดยทางเครือข่ายฯ ยินยอมที่จะเปิดช่องทางจราจรสองช่องทาง ในช่วงเวลาตั้งแต่ 06.00-10.00 น. และ15.00-18.00 น. ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.เพื่อบรรเทาการจราจรในช่วงเด็กนักเรียนเดินทางไป-กลับโรงเรียน


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์