มาร์คโต้ปัดแจกแสนล้านทิ้งทวน

“มาร์ค” ปัดประชุมครม.นัดสุดท้ายเปล่าแจกเงินแสนล้านทิ้งทวน ยันพิจารณารอบคอบ  ท้าใครสงสัยส่อโกงท้วงได้เลย

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ซอยสุขุมวิท 31 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์ต่อการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเร่งอนุมัติโครงการต่างๆซึ่งใช้เงินรวมเป็นแสนล้านบาท ว่า การอนุมัติโครงการหรืองบประมาณไม่ได้มียอดเงินขนาดนั้น เพราะบางเรื่องไม่ได้เป็นการอนุมัติเงินใหม่ แต่เป็นเพียงการดำเนินการตามแผนที่ได้มีการอนุมัติไปแล้ว  ส่วนเงินที่อนุมัติไปยอดใหญ่ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายจัดการเลือกตั้ง กว่า 3 พันล้านบาท รวมถึงค่าตอบแทนของบุคลากรทางการแพทย์กว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งเขาจะต้องได้เงินเพิ่ม โดยถ้าไม่อนุมัติวันนี้ ก็ทำให้จ่ายเงินช้า อีกทั้งจะเป็นการจ่ายเงินให้กับประชาชนในเรื่องของภัยพิบัติ ซึ่งใช้เงินเป็นหลักพันล้านบาท และปัญหาสถานการณ์ชายแดน รวมถึงมีบางรายการที่เป็นการขออนุมัติก่อหนี้ผูกพัน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่เป็นโครงการใหม่เชิงนโยบาย เช่น โครงการบ้านหลังแรกเป็นเรื่องของธนาคารของรัฐดำเนินการ หรือโครงการประกันภัยพืชผล ซึ่งเราพยายามให้ได้ข้อยุติมานานแล้ว และจะมีเรื่องปุ๋ยที่จะมีการดำเนินการชี้แจงรายละเอียดในวันที่ 6 พ.ค.นี้ต่อไป
               

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีก ถ้าถามว่าทำไมต้องอนุมัติเงินในหลายโครงการ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันห้ามไม่ให้ครม.หลังการยุบสภา อนุมัติงานหรือโครงการใดๆที่มีผลผูกพันครม.ชุดต่อไป แต่งานของประเทศนั้น แต่ละกระทรวงต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการจะต้องทำให้เสร็จก่อนที่ครม.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ ซึ่งในทางปฏิบัติทำไม่ได้ และถ้านำเรื่องเกี่ยวกับงบประมาณไปพิจารณาหลังจากยุบสภาไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ ก็ต้องไปขอความเห็นจากกกต. ซึ่งทำให้ยุ่งยาก ถ้าทำอย่างนั้นก็ถือเป็นการหาเสียง ซึ่งเราก็ไม่อยากทำ ดังนั้น การที่เรื่องขออนุมัติเข้ามามากนั้นเป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญ ทำให้ทุกหน่วยงานเขาจำเป็นที่จะต้องให้มีการอนุมัติเสียก่อนที่จะมีการยุบสภา
               

“เรื่องที่ไปบอกว่าเร่งอนุมัติเหมือนกับมีการทุจริตคอร์รัปชั่น และถ้ามีโครงการใดที่คิดว่าอนุมัติแล้วไม่เหมาะสม หรือน่าสงสัย ขอให้ถามมาหรือทักท้วงมา เพราะทุกอย่างเปิดเผย ก็ยินดีที่จะทบทวนให้ ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็ยกเลิกได้ ไม่มีปัญหาอะไร”นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า สิ่งที่ตนได้ทำเป็นพิเศษก่อนการประชุมครม. เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา คือ ทุกกรณีที่มีการเสนอเข้าครม. ตนเชิญหน่วยงานเจ้าของเรื่อง มาพร้อมกับสำนักงบประมาณและเลขาธิการครม. เพื่อมาไล่ดูว่ามีอะไรที่จะผิดปกติและไม่รอบคอบหรือไม่ ซึ่งพบว่ามีหลายเรื่องที่เราไม่อนุมัติ ดังนั้น ทุกเรื่องได้พิจารณาค่อนข้างจะรอบคอบ