ผบ.เหล่าทัพถกรับมือแม้วดิ้นขอพึ่งพระบารมีกลับไทย

ผบ.เหล่าทัพนัดกินข้าวประเมินสถานการณ์ "ทักษิณ" โฟนอิน ขอพึ่ง"พระเจ้าอยู่หัว"กลับประเทศไทย ปลัดกระทรวงกลาโหมห่วงวุ่นวาย มองว่าเป็นการสร้างความอึดอัดให้ "ในหลวง" ไม่ควรจะออกมาลักษณะที่จะไปดึงพระองค์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นัดพบปะรับประทานอาหาร รวมถึงการประเมินสถานการณ์บ้านเมือง เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน โดยเฉพาะประเด็นการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะขอพึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเดินทางกลับเข้าประเทศไทย ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยใช้เวลาพบปะพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที 

พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การพบปะกันของ ผบ.เหล่าทัพเป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์ทั่วไป ต้องติดตามสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เพราะห่วงความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพมองว่าเป็นการสร้างความอึดอัดให้กับพระองค์มากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรจะออกมาลักษณะที่จะไปดึงพระองค์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เมื่อถามว่า แสดงว่า ผบ.เหล่าทัพเป็นห่วงว่าจะไปกดดันพระองค์ พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพไม่ได้พูดกันถึงขนาดนั้น เพียงแต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาในลักษณะนี้เหมือนกับว่าต้องการให้พระองค์เข้ามาดูแลอะไรต่างๆ จะกลายเป็นปัญหาว่าสมควรหรือยังที่จะดำเนินการในลักษณะนี้ เพราะความจริง พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ยังไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลยุติธรรมเลย ภาระหน้าที่ของกองทัพกำหนดบทบาทค่อนข้างชัดเจนคือไม่ต้องการให้ใครมาทำลายสถาบันกษัตริย์ ไม่ต้องการให้ก้าวล่วงอะไรทั้งสิ้น

รายงานข่าวจากที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพแจ้งว่า ในที่ประชุมแสดงความเป็นห่วงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าจะขอพึ่งพระบารมี และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยเฉพาะประชาชนที่สวมเสื้อแดงที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้อนขอกลับเข้าประเทศไทย เพราะการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณเกรงว่าจะเป็นการปลุกระดมมวลชนให้ต่อต้านการพิจารณาคำตัดสินของฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พิจารณาคำตัดสินให้ พ.ต.ท.ทักษิณจำคุก 2 ปี เกี่ยวกับที่ดินรัชดาภิเษก ยิ่งเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาในรายการ โดยเฉพาะการนำพระองค์ลงมาเกี่ยวข้องทางด้านการเมือง ถือว่าคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณหนักเกินไป การจะมาพูดว่าพึ่งพระบารมี ทั้งที่ศาลพิจารณากระทำความผิดอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม

"ตอนนี้ ผบ.เหล่าทัพพยายามหาทางออกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทำให้เกิดผลกระทบกับสถาบัน และประเทศชาติ เพราะการกระทำดังกล่าวเหมือนเป็นการไปกดดันพระองค์ท่าน คนลักษณะของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่น่าที่จะพูดแบบนี้ออกมา ผบ.ทหารสูงสุดได้ดูเทปโฟนอินจากเจ้าหน้าที่แล้ว เห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสม " รายงานข่าวระบุ

แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงเปิดเผยว่า ขณะนี้กองทัพเตรียมประสานงานกับฝ่ายกฎหมาย และสภาทนายความ เพื่อถอดข้อความการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว

ที่ประชุมยังวิเคราะห์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะโฟนอินในครั้งต่อไปอีกเพื่อเป็นการกดดันสถาบันเบื้องสูง ซึ่งขณะนี้กองทัพทำอะไรไม่ได้ เพราะเลยจุดเงื่อนไขที่จะปฏิวัติรัฐประหาร ทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์หรือได้เปรียบอะไร ในทางตรงข้าม การโฟนอินเข้ามาทำให้ดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณจะได้เปรียบทางด้านการเมือง โดยเฉพาะการพิจารณาคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณต่างๆ จะต้องยืดระยะเวลาออกไป และจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถต่อรองทางการเมืองได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือของ ผบ.เหล่าทัพ พล.อ.อนุพงษ์เป็นประธานประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ประจำเดือนพฤศจิกายน โดย พล.อ.อนุพงษ์ได้ระบายความรู้สึกกับผู้บังคับ นขต.ตอนหนึ่งว่า "ตอนนี้ผมเอง โดยเฉพาะกองทัพบกได้รับแรงกดดันจากหลายฝ่ายมาก เกี่ยวกับการแสดงบทบาทในท่าทีของการเมือง ข่าวการปฏิวัติ เรียกร้องให้ทหารอยู่ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ หรือการนำกำลังทหารออกมาปฏิบัติภายนอกกรม กอง ซึ่งเราไม่สามารถอยู่ฝ่ายไหนได้ เพราะกองทัพจะต้องเป็นหลัก และจะต้องไม่ทำให้กองทัพเสื่อมศรัทธา ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายพยายามดึงสถาบันเข้าเกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เรายอมไม่ได้ ในฐานะที่ ทบ.มีกำลังพลมาก ขอให้กำลังพลไปชี้แจงกับครอบครัวว่าสถาบันได้ทำอะไรมาบ้างและทรงคุณค่าอย่างไร"

เวลา 17.00 น. ที่สำนักเลขานุการกองทัพบก พ.อ.ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุม นขต.ทบ.ว่า ที่ประชุมได้พูดถึงเอกภาพของกองทัพจะช่วยแก้ไขสถานการณ์บ้านเมือง

ผบ.ทบ.แสดงทรรศนะว่าความแตกต่างทางความคิดทำได้ แต่ต้องเคารพความเห็นของแต่ละบุคคล ไม่นำไปสู่ความบาดหมางและใช้กำลัง และกำชับกำลังพลทุกคนกระทำตนเป็นตัวอย่างเรื่องความสามัคคี ให้เป็นสถาบันหลักประคับประคองประเทศพัฒนาไปข้างหน้า และผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปอย่างเรียบร้อย


ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีกระแสที่เรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติรัฐประหาร พ.อ.ศิริจันทร์กล่าวว่า ผบ.ทบ.บอกว่าสิ่งหนึ่งที่ ผบ.หน่วยต้องยึดถือ คือ สิ่งที่ทำนั้นต้องเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม หากยึดถือประโยชน์ส่วนรวมจะทำให้สามารถตัดสินใจได้ ที่ผ่านมามีข้อมูลถ้อยคำกดดันที่ส่งเข้ามามีอยู่จริง แต่ พล.อ.อนุพงษ์ขอให้ทุกคนยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์