นายกฯจี้จับมือยิงถล่มมัสยิด อนุพงษ์ปัดฝีมือทหาร

เมื่อเวลา 06.30 น.วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6(บน.6 ) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ถึงการแก้ปัญหาความ ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครม.ภาคใต้) เมื่อค่ำวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานถึงการลงพื้นที่และตนได้กำชับให้เร่งรัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการ จับกุมผู้กระทำความผิด ส่วนกรณีที่มีใบปลิวโจมตีว่าการยิงมัสยิดอัลฟุรกอน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เป็นฝีมือเจ้าหน้าที่นั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการเร่งรัดการ ทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นอย่างไร การได้ตัวคนร้ายจะเป็นสิ่งพิสูจน์ ยืนยันว่ารัฐบาลตั้งใจเต็มที่ว่าจะต้องดำเนินการให้รู้ว่าใครเป็นคนร้าย และจับกุมให้เร็วที่สุด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ทุกฝ่ายกำลังทำงานอยู่

การที่นายสุเทพ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลงพื้นที่ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ น่าจะช่วยได้ ในส่วนของ ครม.ภาคใต้ ยังจะมีการประชุมต่อเนื่องต่อไป เพราะต้องติดตามแผนพัฒนาและติดตามการปรับปรุงรูปแบบเขตเศรษฐกิจ ซึ่งจะรวมถึงมาตรการการให้ความช่วยเหลือ เช่น สินเชื่อ ภาษี ที่อนุมัติให้ต่ออายุไปถึงสิ้นปี แต่จะมีการเพิ่มเติมรูปแบบในเรื่องแรงจูงใจ โดยเน้นในเรื่องของยางพารา ปาล์ม การท่องเที่ยวและสินค้าฮาลาล

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวว่า ขณะนี้ดูจากหลักฐานพบว่าหนึ่งในอาวุธที่ผู้ก่อเหตุนำมาใช้ยิงถล่มมัสยิด เป็นอาวุธที่เคยใช้ก่อเหตุทำร้ายประชาชนมาก่อน 

หมู่บ้านดังกล่าวให้ความร่วมมือกับราชการอย่างใกล้ชิดดีมาก และเจ้าหน้าที่ถือว่าหมู่บ้านนี้เป็นฝ่ายเราค่อนข้างสูง อีกทั้งสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นไทยมุสลิม และหมู่บ้านไทยพุทธที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่าง 3 กิโลเมตร ดังนั้นการที่ผู้ก่อการร้ายพยามใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม การที่ฝ่ายผู้ก่อการร้ายใช้ใบปลิวโจมตีทางราชการสื่อมวลชนต้องช่วยทำให้ข้อเท็จจริงเกิดขึ้น แต่การจะระบุว่าเป็นการกระทำของใครต้องใช้หลักฐานที่มีดำเนินคดี คงไม่ใช่เป็นการคาดการณ์หรือคาดเดา