จำคุกมือยิง

จำคุกมือยิง

ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่่อเวลา 9.30 น. วันนี้ (13 ธ.ค.) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีทึี่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 44 ปี อดีตตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เป็นจำเลย ในความผิดฐานก่อการร้าย, ร่วมกันใช้อาวุธปืน และใช้เครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, การกระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 288 , พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารราชการปลอม จากกรณีเมื่อวันที่ 20 มี.ค.53 จำเลยและพวกร่วมกันใช้จรวดอาร์พีจียิงใส่อาคารกระทรวงกลาโหม เขตพระนคร แต่ระเบิดติดสายไฟ และตกบริเวณซอยแพร่งภูธร ทำให้นายศักดิ์ หาญสงคราม ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ สายเคเบิลโทรศัพท์ของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เสียหาย จำเลยกับพวกมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ บังคับ รัฐบาลไทยให้ยุบสภา ทั้งยังสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือการก่อการร้ายของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยมีปืนกลมือ (เอ็ม3) 1 กระบอก กระสุน 20 นัด เสื้อสีแดง 2 ตัว กล่องกระสุน และกระสุนปืนขนาด 11 มม. 28 นัด ระเบิดขว้างชนิด เอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 1 กระบอก เหตุเกิดที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงพระนคร เขตรพระนคร แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เกี่ยวพันกัน


ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยาน 2 ปาก เบิกความยืนยันว่าพบจำเลยก่อนเกิดเหตุ และยังมีพยานที่จดจำใบหน้าจำเลยหลังก่อเหตุเมื่อจำเลยรีบร้อนลงจากรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตศ 9818 กรุงเทพมหานคร อีกทั้งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานพบว่าลายนิ้วมือแฝงที่พบบนประตูรถกระบะดังกล่าว ตรงกับลายมือนิ้วข้างขวาของจำเลย รวมทั้งเสื้อแจ็กเก็ตที่ตรวจยึดได้ภายในรถนั้นมีรูปแบบสารพันธุกรรมของจำเลยติดอยู่ เชื่อว่าพยานทุกปากเบิกความไปตามจริง มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ ส่วนที่จำเลยมีอาวุธไว้ในครอบครองฯ นั้น เห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถที่ใช้ในการก่อเหตุเบิกความในทำนองเดียวกันว่า มีระเบิด เครื่องยิงระเบิด อาวุธปืนกล และกระสุนปืน 48 นัด ในรถที่จำเลยใช้ก่อเหตุ พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีเหตุโกรธเคืองจำเลย จึงฟังได้ว่าจำเลยมีอาวุธไว้ในครอบครอง การที่จำเลยอ้างสถานที่อยู่ เป็นการอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักหักล้างได้


จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 วรรคหนึ่ง ,221,222,258 วรรคแรก ประกอบ มาตรา 265,295 ประกอบมาตรา 80,358,371,376,83 พ.ร.บ.ปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,38,55,72 ทวิ วรรคสอง,74,78 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 2 ปี สำหรับความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ฐานร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ฐานร่วมกันยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดในที่ชุมชน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น อันเป็นบทลงโทษหนักสุด จำคุก 20 ปี ฐานร่วมกันมีเครื่องยิงจรวดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดฯ จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนฯ จำคุก 5 ปี และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลา 38 ปี และให้ริบของกลาง


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์