คุกน้องธาริต อ้างเบื้องสูงฮุบที่ดินรัฐ สารภาพลดโทษเหลือ2ปีครึ่ง

คุกน้องธาริต อ้างเบื้องสูงฮุบที่ดินรัฐ สารภาพลดโทษเหลือ2ปีครึ่ง

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวนายเสฏฐวุฒิ หรือติ๊ก เพ็งดิษฐ์ อายุ 52 ปี อาชีพนายหน้าค้าที่ดิน

น้องชายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนายบุญธรรม หรือ “ป๋าชื่น” บุญเทพประทาน อายุ 65 ปี นักธุรกิจด้านที่ดิน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมายังศาลอาญา รัชดาภิเษก ตามหมายนัดศาลเพื่อสอบปากคำจำเลยทั้งสองในคดีหมิ่นเบื้องสูง ในคดีหมายเลขดำ อ.1666/58คดีดังกล่าว พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ จำเลยทั้งสอง ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 58 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างปี พ.ศ.2550 – พ.ศ.2551 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดต่อเนื่องกัน ที่ดินบริเวณเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีบางส่วนที่สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน บางส่วนเป็นเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับที่ดินที่ทางฝ่ายทหารมีหนังสือขอใช้พื้นที่อย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2534 และบางส่วนเป็นพื้นที่ที่คณะกรรมการจัดสรรดินแห่งชาติกันไว้เพื่อใช้เป็นพื้นที่ทดแทนพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งไม่สามารถออกเป็นโฉนดที่ดินได้

ต่อมา นายบุญธรรม จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของ และกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท บ้านชุมทอง จำกัด และบริษัท เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด


ซึ่งประกอบธุรกิจจัดสรร และค้าขายที่ดิน มีความประสงค์ที่จะนำที่ดินบริเวณดังกล่าวมาขอออกโฉนดที่ดิน เพื่อจัดสรรจำหน่ายให้กับผู้ที่ต้องการซื้อที่ดินไปปลูกบ้านพักตากอากาศในราคาสูง เพื่อทำกำไรได้มากๆ โดยจำเลยที่ 2 ได้ร่วมมือกับจำเลยที่ 1 ให้ไปดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าวเนื้อที่หลายร้อยไร่ ซึ่งจำเลยที่ 2 พูดกับจำเลยที่ 1 บางตอนว่า จำเลยที่ 2 มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของอดีตหม่อมศรีรัศมิ์ (ขณะเกิดเหตุ) หากจำเลยที่ 1 มีปัญหา หรืออุปสรรคในขั้นตอนใดๆ ในการขอออกโฉนดที่ดินให้บอกจำเลยที่ 2 ได้ทันที ทั้งนี้ถ้อยคำดังกล่าวของจำเลยที่ 2 เป็นการแอบอ้าง จาบจ้วง ล่วงเกิน ใส่ร้าย ใส่ความดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เพื่อให้ตนเองสมประโยชน์

โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังจนเข้าใจ แล้วสอบถามว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่า นายเสฏฐวุฒิ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนนายบุญธรรม จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี

ศาลจึงพิพากษาเฉพาะในส่วนของจำเลยที่ 1 ว่ากระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำคุก 5 ปี

คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 2 ปี 6 เดือน ส่วนนายบุญธรรม จำเลยที่ 2 ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว และให้พนักงานอัยการโจทก์ ยื่นฟ้องคดี นายบุญธรรม เข้ามาใหม่ภายใน 7 วัน ตามกฎหมาย หลังเสร็จกระบวนการพิจารณาคดีเจ้าหน้าที่ราชฑัณฑ์ได้นำตัวจำเลยทั้ง2 ที่มีสีหน้าเรียบเฉยกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์