“เต้น” โอ่ได้ชัวร์11.5 ล้านเสียง ประชามติ ฉลุยแน่

“เต้น” โอ่ได้ชัวร์11.5 ล้านเสียง ประชามติ ฉลุยแน่

วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวก่อนการประชุม ครม.ถึงแนวทางการทำประชามติ
 
ก่อนการโหวดแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระ 3 ว่า เรื่องการทำประชามติ กระทรวงยุติธรรมได้รับมอบหมายให้ไปทำการศึกษา และที่มีการพูดคุยกันในขณะนี้คือตัวเลขของผู้ที่เห็นด้วยต้องเป็นเท่าใดกันแน่ประชามติถึงจะผ่าน  จากที่ตนได้ศึกษาข้อกฎหมายแล้ว พบว่าในรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ที่บัญญัติเกี่ยวกับการทำประชามติ ได้ระบุว่าให้การดำเนินการตามลักษณะที่มีกฎหมายเฉพาะ และเมื่อดูกฎหมายเฉพาะ คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการทำประชามติ ในมาตรา 9 ก็ได้ระบุว่า จะต้องมีผู้มาออกเสียงไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ และต้องมีผู้เห็นด้วยไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ จึงถือว่าประชามตินั้นชอบด้วยกฎหมายอย่างสมบูรณ์ และหากยกตัวอย่างตัวเลขที่มีการพูดกันในขณะนี้ ที่ว่ามีผู้มีสิทธิ์ออกเสียง 46 ล้านเสียง ก็ต้องมีผู้มาออกเสียงไม่ต่ำกว่า 23 ล้านเสียง และใน 23 ล้านเสียงนี้ต้องมีผู้เห็นด้วยเกิน 11.5 ล้านเสียงจึงจะถือว่าประชามตินั้นชอบด้วยกฎหมาย 


เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านประกาศจุดยืนที่จะคว่ำกระบวนการทำประชามติ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า
 
พรรคประชาธิปัตย์ต้องคำนึงถึงข้อกฎหมายเป็นหลัก เพราะมีกฎหมายอยู่ และหากพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการแล้วขัดต่อกฎหมาย คงมีผู้ไปยื่นร้องให้องค์การที่มีอำนาจตรวจสอบ และตนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะทบทวนท่าที อย่าคิดแต่เอาชนะทางการเมืองโดยขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อระบอบประชาธิปไตย อย่าคิดว่าเคยบอยคอต การเลือกตั้ง แล้วนำไปสู่ทางตันทางการเมืองจนเข้าถึงอำนาจในที่สุด อย่าคิดว่าการบอยคอตการทำประชามติจะนำไปสู่ปลายทางเดียวกัน  หากไม่เห็นด้วยก็ประกาศจุดยืนออกมาแล้วไปรุณรงค์ให้ประชาชนออกมาลงประชามติไม่เห็นด้วย ก็ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย แต่ถ้าจะเชิญชวนให้ประชาชนไม่ออกมาใช้สิทธิ์ หรือคว่ำประชามติ ด้วยวิธีการที่ผิดรัฐธรรมนูญ ตนก็คิดว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเจองานใหญ่


“คนในพรรคประชาธิปัตย์ควรออกมาให้สติ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะหลังจากเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ ความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ ดูจะออกห่างจากความเป็นจริงทางการเมือง จากหลักการประชาธิปไตยมากขึ้นทุกที” นายณัฐวุฒิ กล่าว
 

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการออกมาระบุว่า เป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนเพียงคนเดียว ไม่มีทางเป็นไปได้
 
เพราะกระบวนการทำประชามติ จากเสียงส่วนใหญ่ และ มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็มาจากการเลือกตั้ง เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม เมื่อร่างเสร็จแล้วก็เห็นว่าควรทำประชามติ อีกรอบหนึ่ง เป็นการให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง ภายใต้ขั้นตอนดังกล่าวก็ไม่มีทางทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ยินยอมให้กฎหมายสูงสุดเป็นเพื่อคนคนเดียวอยู่แล้ว แต่การฉีกรัฐธรรมนูญ 40 แล้วร่างรัฐธรรมนูญ 50 ขึ้นใหม่เพื่อจัดการคนคนเดียวมันเคยมีมาแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสำนึกเรื่องนี้ เพราะตัวเองเป็นผู้ได้ประโยชน์ทางการเมืองจากการฉีกรัฐธรรมนูญ 40 และการมีรัฐธรรมนูญ 50   


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์