สนธิ อัด ทักษิณ มาตรฐานปชต.ต่ำกว่าเขมร เผยคนไทย 70% ไม่เอาทรท.

"สนธิ" อัด "ทักษิณ" มาตรฐานปชต.ต่ำกว่าเขมร เผยคนไทย 70% ไม่เอาทรท.

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 มีนาคม 2549 01:26 น.

"สนธิ" ยืนยัน 14 มี.ค. ชุมนุมสงบ-อหิงสา ไม่มีอันตราย ตอก "ทักษิณ" สร้างภาพมายา เล่นการเมืองเพื่อธุรกิจ แถมมาตรฐานประชาธิปไตย ต่ำยิ่งกว่าเขมร เผยโพลล่าสุด คนไทย 70% ไม่เอา "ไทยรักไทย"

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีท้องสนามหลวง เมื่อเวลา 00.15 น. ระบุว่า วันที่ 14 มี.ค. การชุมนุมเคลื่อนไหว จะเป็นไปอย่างสงบ อหิงสา และไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น

"เราจะเคลื่อนอย่างสงบ อย่างเป็นระบบ และเราจะใช้ระบบอหิงสาอย่างเด็ดขาด ไม่มีการทำร้ายทำลายสิ่งของหรือผู้คนทั้งสิ้น เราไปเพื่อแสดงพลังคุณภาพ เราไปด้วยจิตบริสุทธิ์ของการรักชาติ รักบ้าน รักเมือง เราไปเพื่ออนาคตของลุกหลานเรา อากาศร้อนแน่ๆ แต่เราต้องทนร้อน เพราะถ้าเราไม่ทนร้อนแล้ว แผ่นดินนี้จะลุกเป็นไฟ"

"มีคนถามผมว่า คุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอ ผมบอกว่า เหนื่อยทีไรนึกถึงหน้าทักษิณแล้วหายเหนื่อยทุกที เมื่อใดที่เราอ่อนเพลีย เมื่อไรกำลังใจถดถอย ให้เรามองหน้าคนขายชาติขายแผ่นดิน ที่ทำร้ายทำลายชาติ แล้วนึกถึงหน้าลูกของเรา แล้วถามตัวเองว่า เราจะให้ลูกเจริญเติบโตในสังคมในระบอบทักษิณาธิปไตยหรือไม่"

นักธุรกิจ-การเมือง จอมสร้างภาพ

นายสนธิกล่าวว่า ระบอบทักษิณาธิปไตได้มีการเตรียมการมานานแล้ว และเป็นเวลานานที่สังคมไทยถูกภาพมายาหลอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนทำงานเก่ง ทั้งๆ ที่งานที่ทำเป็นงานผูกขาดและสร้างภาพ

"ทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตัวมันเอง แต่เกิดเพราะมีการวางแผนมาก่อน"

นายสนธิระบุว่า ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปีพ.ศ. 2540 หลังนายอำนวย วีรวรรณ ลาออกจากรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พ.ต.ท.ทักษิณได้เสนอชื่อนายทนง พิทยะ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยมีวาระซ่อนเร้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าค่าเงินบาทจะต้องถูกลอยตัว จึงส่งนายทนงไปเป็นสายลับ คอยแจ้งข่าวว่าจะลดค่าเงินเมื่อไร อันเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทของพ.ต.ท.ทักษิณและพ่อค้าไม่กี่รายที่ได้รู้ข้อมูลล่วงหน้ายังทำธุรกิจอยู่ได้ ทั้งที่บริษัทอื่นๆ ล้มกันระนาว

นายสนธิกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณนำกำไรจากค่าเงินไปใช้เล่นการเมือง โดยเมื่อตั้งพรรคขึ้นมาแล้วก็พาคณะบินไปประเทศออสเตรเลียเพื่อจ้างผู้วางแผนโฆษณาหาเสียงให้นายกฯ ออสเตรเลียในขณะนั้นเตรียมการเลือกตั้งให้

"ฝรั่งเลยอธิบายว่า วิธีที่จะหาเสียงได้ผลต้องใช้สื่อมวลชนแบบนี้ ต้องหลอกลวงประชาชนแบบนั้น ต้องสร้างมายาภาพ นี่คือกระบวนการสร้างมายาภาพ รูปนายทักษิณ แม้แต่จะถ่ายออกมาก็ต้องมีการจัดฉากจัดภาพ จำได้ไหม รูปที่ชี้ขึ้นข้างบน เพื่อให้เห็นว่าเขาคนเดียวที่จะนำประเทศพ้นวิกฤติได้ ทั้งที่เศรษฐกิจเราดิ่งถึงก้นบึ้งไปแล้วและกำลังจะโงหัวขึ้น"

เนื่องจากเงินบาทถูกลดค่าเงินแล้ว การส่งออกย่อมจะดีขึ้นทำให้ประเทศมีรายได้มากขึ้น แต่ช่วงห้าปีที่บริหารประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณทำให้ดุลการค้าของไทยเปลี่ยนจากบวก 8,000 กว่าเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นลบ อีกทั้งยังนำเงินดอลลาร์ที่สะสมไว้นานแล้วไปคืนไอเอ็มเอฟ

"เมื่อเข้ามาเขาก็ขายความคิดของการคิดใหม่ทำใหม่ เพราะว่าคนๆ นี้ไม่เคยเชื่อในระบอบประชาธิปไตย ไม่เคยยอมให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ ฉะนั้นการที่มีสองร้อยกว่าเสียงไม่พอ เขามองการเมืองเป็นธุรกิจ เหมือนอย่างภรรยาเขาเล่าให้เสนาะฟังตัวต่อตัว ´การเมืองมันคือธุรกิจนะพี่เหนาะ´ เมื่อมองการเมืองเป็นธุรกิจ นโยบายต่างๆ ก็ย่อมเพื่อธุรกิจ

ขณะเดียวกันเศรษฐกิจเพิ่งโงหัวขึ้นมาตอนนั้น เขามองอย่างนักธุรกิจ ถ้าเอาเงินแจกรากหญ้า ส่งเสริมคนใช้เงินโดยไม่มีวินัยการคลัง เศรษฐกิจรากหญ้าก็จะฟื้น แต่อยู่บนพื้นฐานที่ประชาชนเป็นหนี้ แต่เขาไม่สน เขาสนแค่ให้ประชาชนกู้ เอาเงินมาใช้ หมุนเวียนเศรษฐกิจ แล้วเขาก็ได้ประโยชน์ แต่ให้ธนาคารกรุงไทย ออมสิน แบกรับภาระหนี้ เขาเลยทำบัญชีแบบศรีธนญชัยได้ งบประมาณรัฐไม่มีติดลบ เพราะเขาแยกหนี้พวกนี้ออกไปอยู่ที่ธนาคารของรัฐ"

คนไทย 70% ยี้ "ไทยรักไทย"

นายสนธิอ้างอิงข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ดร.วุฒิพงศ์ เพรียบจริยวัฒน์ จะนำมาเปิดเผยโดยละเอียดบนเวทีในช่วงค่ำวันนี้ (14 มี.ค.) ว่า ขณะนี้ประชาชนทั่วประเทศมากกว่า 70% เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณควรลาออกได้แล้ว

"เค้าชอบทำโพลตลอดเวลา ช่วงหลังสวนดุสิตไม่ทำโพล เพราะรู้ว่าคะแนนทักษิณตกต่ำ เขาเลยวางตัวเป็นกลางไม่ทำ แต่ถ้าเมื่อไหร่รู้คะแนนทักษิณเป็นบวกเขาจะทำทันทีเลย พรุ่งนี้อาจารย์วุฒิพงศ์ เพรียบจริยวัฒน์ จะเอาโพลตัวใหม่ซึ่งทำเสร็จล่าสุดของม.รังสิตมาเล่าให้ฟัง

เขาถามว่า ถ้าเลือกตั้งวันนี้จะเลือกไทยรักไทยที่เปอร์เซนต์ ถามเมื่อ 30 วันที่แล้ว ประชาชนบอกว่าเลือก 45 เปอร์เซนต์ แต่วันนี้ลดลงเหลือ 30 เปอร์เซนต์ อีก 30 เปอร์จะไม่เลือก ส่วนอีก 40 เปอร์ จะไม่เลือกเลยแม้พรรคเดียว"

ทักษิณ มาตรฐานประชาธิปไตย ต่ำกว่าเขมร

นายสนธิกล่าวว่า ผู้บริหารจำเป็นต้องมีความชอบธรรมในการบริหารประเทศตามปรัชญาประชาธิปไตยทั้งสองมิติ มิติแรก คือต้องผ่านกระบวนการเลือกตั้งเพื่อให้ได้สิทธิบริหารประเทศ และที่สำคัญ ต้องมีมิติที่สอง คือ การปกครองแผ่นดินโดยธรรม ไม่แบ่งแยก บริหารประเทศอย่างโปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน เมื่อมิติที่สองไม่ชอบธรรม แสดงว่ามิติแรกย่อมได้เสียงมาโดยไม่ชอบธรรมด้วย ฉะนั้นพ.ต.ท.ทักษิณจึงไม่มีสิทธิอ้างเสียงประชาชน 19 ล้านเสียง

"ผู้สื่อข่าวบีบีซีสัมภาษณ์ผม บอกว่า นายทักษิณยุบสภาแล้วให้ประชาชนตัดสิน ผมบอกว่าพวกคุณชาวตะวันตกไม่เคยเข้าใจ ถ้าไทยมีสื่อเสรีเหมือนอังกฤษ อเมริกา ถ้าประชาชนไม่ถูกหลอกไม่ถูกเอาเงินฟาดหัวง่ายๆ มีข้าราชการทำตัวเป็นกลาง การยุบสภาย่อมมีความชอบธรรม

พวกคุณสามารถรายงานข้อเท็จจริงได้ทุกประการโดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพล แต่เมืองไทยประชาชนยังถูกปิดหัวปิดตา การเลือกตั้งก็ไม่โปร่งใส ไม่สะอาด การยุบสภาจึงไม่ใช่การคืนอำนาจ แต่เป็นการฟอกตัวนายทักษิณ

ฉะนั้น อย่าเอามาตรฐานคุณมาใช้กับทักษิณ เพราะนายทักษิณนั้น มาตรฐานยังต่ำกว่าเขมรอีก"

นายสนธิยังกล่าวเรียกร้องให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมกันในวันที่ 14 มี.ค. พร้อมระบุว่า การที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ นำเหตุการณ์ที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และพล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ไปกราบแทบพระบาทในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ก่อนที่พล.อ.สุจินดาจะลาออก ถือว่าเป็นสัญญาณว่าพ.ต.ท.ทักษิณต้องลาออกได้แล้ว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์