มาร์คหัวเสียหน่วยงานราชการซุกงบปรับเงินช่วยน้ำท่วมน้อยนิด

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับถึงประเด็นงบเหลื่อมปีของแต่ละหน่วยงานในปี 2552 และ 2553 รวม 53,186 ล้านบาท ตามที่เคยเน้นย้ำว่าจะนำเงินดังกล่าวมาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แต่ขณะนี้กลับมีเพียง 2 กระทรวงที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบโครงการ คือกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ยังไม่ได้แจ้งยอดวงเงินให้ทราบ ซึ่งนายกฯแสดงท่าทีชัดเจนว่าหากกระทรวงอื่นๆ ยังไม่แจ้งเปลี่ยนแปลงรูปแบบโครงการของแต่ละหน่วยงานในสังกัดให้สอดคล้องกับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยมาภายในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ให้ถือว่าเป็นวันสุดท้ายของการรายงานเรื่องดังกล่าวต่อสำนักงบประมาณ ก็จะยึดเงินกลับคืนเข้ากองกลางเพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยหลังวันที่ 8 ธันวาคมจะให้สำนักงบประมาณดูแต่ละรายโครงการว่ามีโครงการใดบ้างที่สมควรจะเปลี่ยนรูปแบบโครงการ


นอกจากนี้ ได้พิจารณาแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทตามที่สำนักงบประมาณเสนอ

โดยมีรายการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศ จำนวน 6.1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะได้รับประโยชน์สุทธิจากการแข็งค่าของเงินบาท 5.8 พันล้านบาทก็จะถูกนำไปใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศ ส่วนใหญ่ประมาณ 62% หรือ 3.8 หมื่นล้านบาทเป็นรายจ่ายเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์หรือครุภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะรายการค่าใช้จ่ายในการจัดหายุทโธปกรณ์ จึงเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดนำเงินที่ประหยัดได้ไปดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงาน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาอุทกภัยหรืออุบัติภัยอื่นๆ เป็นอันดับแรก


นายวัชระกล่าวว่า  ครม.ได้เห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวาตภัยปี 2553 วงเงิน 2,000 ล้านบาทผ่านธนาคารออมสิน

โดยจะให้สินเชื่อต่อรายวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท ตามความจำเป็นและความสามารถในการผ่อนชำระ ระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 5 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.5% ต่อเดือนตลอดอายุสัญญากู้ โดยไม่ต้องมีหลักประกันเพื่อให้กู้ปรับปรุง ซ่อมแซมอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการขอรับคำขอกู้ภายในวันที่ 31 มกราคม 2554

ด้าน น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณในการนำผลกำไรจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน จำนวน 5,800 ล้านบาท นำไปใช้จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูจากน้ำท่วม 


ขณะเดียวกันแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยสาเหตุที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

เปลี่ยนใจจากเดิมที่จะให้เวลาแต่ละกระทรวงจัดทำงบฯเพื่อช่วยเหลือน้ำท่วมใน 1 สัปดาห์ เป็นภายในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ เพราะหลังจากสอบถามความคืบหน้าการปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายงบเหลื่อมปี 2552-53 ของแต่ละหน่วยงานแล้ว ก็ได้รับรายงานจากสำนักงบประมาณว่า ตัวเลขที่หน่วยงานต่างๆ ส่งเข้ามาแทบไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่นำเงินเหลือจ่ายมาคืนคลัง 1.8 พันล้านบาท


แหล่งข่าวกล่าวว่า นายกฯได้แสดงความหงุดหงิดทันทีกับรายงานดังกล่าว และกล่าวด้วยเสียงชัดเจนว่า

เหตุผลที่รัฐบาลต้องให้ทุกหน่วยงานปรับแก้การใช้เงินใหม่ เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้เงินทำโครงการแก้ไขและฟื้นฟูน้ำท่วม เมื่อนโยบายที่แจ้งไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร ก็จะให้เวลาแต่ละกระทรวงจัดทำใหม่ภายในวันที่ 8 ธันวาคม หากยังไม่มีส่วนราชการใดส่งเรื่องเข้ามา ก็จะให้สำนักงบประมาณเข้าไปสำรวจและรวบรวมข้อมูลเพื่อดึงงบของแต่ละหน่วยงานมาไว้ส่วนกลาง รวมประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท การดำเนินการเช่นนี้จะส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณของหน่วยงานที่ถูกดึงเงินไว้ส่วนกลางในปีต่อๆ ไปด้วย


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์