“สนธิ”ชี้ม.ค.ลุ้นยุบสภาฯ

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพธม. กล่าวว่า การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียงของส.ว.ไหลไปไหลมา

ขึ้นอยู่กับยุทธวิธีของพรรคเพื่อไทยที่จะสู้รัฐบาลแบบไหน ถ้าต้องการสู้เพื่อให้ล้มเกมทำให้นายกฯต้องยุบสภา ทางพรรคเพื่อไทยก็ต้องหาทางให้ส.ว.สายเลือกตั้งทั้งหมดไม่ลงคะแนนให้ เพื่อให้เสียงลงคะแนนไม่เกิน 310 เสียง เมื่อเสียงไม่ถึงโอกาสยุบสภาเป็นไปได้สูงมาก เมื่อถามว่า เชื่อว่ามีการยุบสภาใช่หรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า เชื่อว่ามีโอกาสสูง ถ้าหากคะแนนเสียงไม่ผ่าน แต่ถ้าเสียงผ่านเชื่อว่า จะยุบสภาเดือนม.ค.ปีหน้า 

เมื่อถามย้ำว่า จุดยืนพธม.จะให้นายกฯรับผิดชอบอย่างไร นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้นายกฯกลายเป็นคนกลับกลอก เป็นคนพูดอย่าง

มีเหตุการณ์เปลี่ยนก็พูดอีกอย่าง จุดยืนพธม.จะอยู่อย่างไรก็ตามจะให้ไปหวังคนอย่างอภิสิทธิ์ไม่ได้ ตนเสียใจที่สุดที่นายอภิสิทธิ์น่าจะทำการเมืองได้อย่างสะอาดมากกกว่านี้ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ออกรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ บอกว่ายอมรับประเทศกัมพูชาทำผิดเงื่อนไขเอ็มโอยู 2543 ตนจึงถามว่าแล้วยังไง แสดงว่าที่ผ่านมาได้มีการโกหกประชาชนมาตลอด

นายสนธิ ยังกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่า แก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ มีอยู่ 2

ข้อ 1.ทำให้นักการเมืองซื้อเสียงได้มากขึ้น 2.แก้ไขเพราะต้องการขายแผ่นดินให้กับประเทศกัมพูชา โดยที่เราไม่ได้รับรู้ ถามว่าทำไมต้องแก้ ม.190 เพราะพันธมิตรฯ คือก้างขวางคอ เมื่อแก้เสร็จแล้วก็อ้างว่ารัฐธรรมนูญอนุญาต โดยไม่จำเป็นจะต้องบอกเรา จำได้ไหมว่าตนเคยพูดว่ารัฐบาลจะยุบสภาเพื่อหนีปัญหากรณีเจบีซี แต่แท้ที่จริงแล้วจะแก้ ม.190 เพื่อให้ขายชาติได้ง่าย ตนขอให้จำให้ดีสำหรับชาวภาคใต้ว่าถึงเวลาหรือยังที่อย่าไปเลือก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์แม้แต่คนเดียว ไม่ต้องเลือกพรรคการเมืองใหม่ก็ได้ แต่อย่าเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เราต้องสอนบทเรียน
 
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ตนพูดมาตลอดเวลา การสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่สู้กับวิญญูชนจอมปลอม พวกพูดจาสุภาพ พูดเก่ง แต่ลับหลังทำอีกอย่าง เป็นเรื่องเหนื่อยมาก พอถึงเวลาตัวเองก็บอกว่าไม่อยู่แล้วประเทศไทย บทเรียนในครั้งนี้สอนให้เรารู้ว่าพันธมิตรฯต้องจุดเทียนขึ้นอีกเล่ม ตนเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่ได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทย ทำตัวเป็นเทพให้อีกฝ่ายเป็นมาร พอพันธมิตรฯถอดหน้ากากก็กลายเป็นผีดิบไม่ใช่แค่หลอกแต่ดูดเลือดด้วย

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์