ชงฟ้องป๋าเหนาะคดีอัลไพน์

ป.ป.ช. ชงสภาทนายความฟ้อง "ป๋าเหนาะ" ทุจริตสนามกอล์ฟอัลไพน์ ศาลนัดชี้ชะตา 16 ก.ย.นี้

วันนี้ (20 ส.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความจากสภาทนายความ รับมอบอำนาจจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเสนาะ เทียนทอง อดีต รมว.มหาดไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามป.อาญา ม.148  ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ จ.ปทุมธานี โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่วันที่ 16 ก.ย. นี้ เวลา 10.00 น.

โดยคดีนี้สืบเนื่องจากขณะที่นายเสนาะ เทียนทอง ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ได้ลงนามเซ็นคำสั่งไปยังสำนักงานที่ดิน จ.ปทุมธานี ไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามวรวิหาร ได้มาซึ่งที่ดินของ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ที่ทำพินัยกรรมลงวันที่ 20 พ.ย. 2512 ยกที่ดิน  2 แปลง รวม 927 ไร่เศษ  พร้อมโฉนด ตั้งอยู่ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาวันที่ 22 พ.ค. 2514 นางเนื่อม  ถึงแก่ความตาย ศาลแพ่งมีคำสั่งตั้งนายพจน์ สุนทรารชุน, นายหงส์ สุวรรณหิรัญ และ นพ.วิรัช มรรคดวงแก้ว ร่วมกันเป็นผู้จัดการกองมรดกของนางเนื่อม ที่ดินทั้ง  2 แปลงจึงโอนมาเป็นชื่อบุคคลทั้งสามในฐานะผู้จัดการกองมรดก ในระหว่างที่ยังไม่มีการจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่วัด แล้ววัดได้นำที่ดินให้เช่าและเก็บเงินค่าเช่าทำนา ต่อมาในปี 2530 เจ้าอาวาสฯและนายหงส์ ผู้จัดการมรดกเห็นว่าการเก็บเงินค่าเช่าได้รับประโยชน์น้อย ไม่พอเพียงที่จะนำเงินไปบำรุงวัด จึงติดต่อกับมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัยเพื่อขอให้โอนที่ดินเป็นของมูลนิธิฯแล้วให้มูลนิธิขายที่ดินนำเงินมาจัดหาผลประโยชน์มอบแก่วัด แต่ นพ.วิรัช ผู้จัดการมรดกอีกคนไม่เห็นด้วย ยืนยันที่จะโอนที่ดินให้แก่วัด

ต่อมาที่ประชุมสงฆ์ของวัดฯ ได้มีมติให้เจ้าอาวาสมีหนังสือขออนุญาตรัฐมนตรี ตาม ป.ที่ดิน ม.84 ซึ่งบัญญัติว่า การได้มาซึ่งที่ดินของวัดวาอาราม วัดบาทหลวงโรมันคาทอลิค มูลนิธิ เกี่ยวกับคริสตจักร หรือมัสยิดอิสลาม ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี และให้ได้มาไม่เกิน 50 ไร่ ขณะเดียวกัน นพ.วิรัช ได้ยื่นเรื่องที่สำนักงานที่ดิน จ.ปทุมธานี ขอโอนที่ดินมรดกให้แก่วัด ซึ่งเจ้าอาวาสได้ให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ที่ดินว่า วัดไม่ประสงค์รับโอนที่ดินทั้งสองแปลง แต่ต้องการจำหน่ายนำเงินมาตั้งมูลนิธิ ที่ดิน จ.ปทุมธานีจึงส่งเรื่องให้กรมที่ดินพิจารณา เสนอตามลำดับชั้นถึง รมว.มหาดไทยสั่งไม่อนุญาตให้วัดได้มาซึ่งที่ดินมรดกดังกล่าวโดยเห็นว่าวัดมีที่ดินเดิมเพียงพอแล้ว

กระทั่งวันที่ 12 ก.พ. 2533 นายเสนาะ เทียนทอง รมว.มหาดไทย ผู้ถูกกล่าวหา ได้สั่งการไม่อนุญาตให้วัดได้มาซึ่งที่ดินทั้งสองแปลง และให้เจ้าอาวาส ดำเนินการตามข้อ 4 แห่งพินัยกรรม ที่ระบุว่า ให้เจ้าอาวาส จัดการมอบ อสังหาริมทรัพย์และจำนวนเงิน ให้แก่วัด รวมทั้งสิ้นแก่มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัยช่วยกันจำทำผลประโยชน์ เพื่อใช้ผลประโยชน์นั้น บำรุงจตุปัจจัยแด่ภิกษุสามเณร หรือจรรโลงพระพุทธศาสนาโดยประการอื่น อาทิเช่นการส่งเสริมการศึกษาคันตธุระ และวิปัสสนาธุระหรือบูรณะถาวรวัตถุในวัด สุดแต่เจ้าอาวาสจะพิจารณาตามสมควร

นายสิทธิโชค กล่าวว่า พฤติการณ์ของนายเสนาะ ที่มีคำสั่งไม่อนุญาตให้วัดฯ ได้มาซึ่งที่ดินมรดกของนางเนื่อม ซึ่งบริจาคให้วัดฯแล้วถือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายได้เว้นแต่จะมีการออกพระราชกำหนดมารับรอง โดยคดีนี้เมื่อ ป.ป.ช.ไต่สวนแล้วมีความเห็นว่านายเสนาะ กระทำผิด ป.อาญา ม.148 ส่วนที่เมื่อ ป.ป.ช. ส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีขาดอายุความนั้น จึงไม่ยื่นฟ้องคดีให้นั้นเป็นเรื่องความเห็นต่างทางกฎหมาย แต่กฎหมายก็เปิดช่องให้ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องคดีเองได้ และเมื่อตนได้ตรวจสอบสำนวนศึกษาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าคดียังไม่ขาดอายุความ จึงนำคดีมายื่นฟ้อง เพื่อให้ศาลฎีกาฯมีคำวินิจฉัยเองว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ หากเรารีบวินิจฉัยอาจเกิดความผิดพลาดได้ ถ้าศาลฎีกาฯเป็นผู้วินิจฉัยก็จะเป็นบรรทัดฐาน เพราะเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์