เบรกกอร์ปศักดิ์ มาร์คสั่ง เจรจาวีระล่มทันที

เบรก"กอร์ปศักดิ์" "มาร์ค"สั่ง เจรจา"วีระ"ล่มทันที

กร้าวฉะข้อเสนอ สร้างภาพกับทูต ม็อบเริ่มเครียด ได้ข่าวสลายแน่ สั่งเปลี่ยนสีเสื้อ








พลังแดง - แกนนำนปช.ขึ้นเวทีราชประสงค์ต่อหน้าม็อบเสื้อแดงจำนวนมาก ประกาศมาตรการตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ปัดข้อเสนอยุบสภาใน 30 วัน

ไม่ทันข้ามวัน บรรยา กาศตึงเครียดอีกหน "อภิสิทธิ์"ย้ำชัดไม่รับเงื่อนไขยุบสภาใน 30 วันจากฝ่ายนปช. อัดแค่เป็นการสร้างภาพต่อหน้านานาชาติ พร้อมอ้างคนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการให้ยุบ ไม่สามารถฟังเสียงเรียกร้องของเสื้อแดงตามลำพังได้ กร้าวใส่ปัญหาความมั่นคงต้องแก้ด้วยความมั่นคง สั่งยุติบทบาท"กอร์ปศักดิ์" ไม่ต้องไปเจรจากับแกนนำนปช.แล้ว ทางด้านแกนนำกลับเงื่อนไขตอบโต้ จี้ยุบสภาทันที แจ้งเตือน"อนุพงษ์"ระดมกำลังเตรียมเข้าสลายม็อบแน่จันทร์นี้ สั่งคนเสื้อแดงถอดเสื้อออก เพื่อเล็ดลอดผ่านด่านมาชุมนุมให้ได้ "สรรเสริญ"แถลงโต้ไม่จริง "อนุพงษ์"จะไม่สลายม็อบ แค่รอเวลาเหมาะสม ให้ผู้ก่อการร้ายปรากฏตัวชัด และผู้ชุมนุมลดลง ให้ใช้คำว่า"ปราบปราม"ได้เลย

มาร์คกลับนอนบ้านสุขุมวิท

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อเวลา 08.50 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมายังกองบัญชาการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) โดยเมื่อคืนที่ผ่านมานายกฯ หลบออกไปพักที่บ้านซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งตลอดทั้งวันนี้นายกฯ ไม่มีกำหนดการเดินทางไปที่ไหน และไม่มีการประชุมหน่วยงาน ราชการใดๆ แต่มีกำหนดหารือและพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงเป็นการภายใน รวมทั้งหารือถึงความคืบหน้าการเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานประสานกลุ่มผู้ชุมนุม อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยทั้งฝ่ายรัฐบาลและแกนนำคนเสื้อแดงมีการประสานการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง

ศอฉ.โต้ข่าวไม่สลายม็อบ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ ศอฉ.ใน ร.11 รอ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศอฉ. เป็นประธานประชุมศอฉ. โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ร่วมประชุม

จากนั้นเวลา 12.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.แถลงว่า จากกรณีที่ มีการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) แล้วมีการรายงานข่าวว่าการแก้ไขปัญหาของศอฉ.โดยกองทัพ ตำรวจ และข้าราชการใน ศอฉ.จะไม่ใช้ความรุนแรงในการดำเนินการ ซึ่งหลายสื่อไปตีความหมายว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมนั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ปัญหาขณะนี้ไม่ได้เกิดในพื้นที่ราชประสงค์ที่เดียว มีอยู่ในบางจังหวัดของแต่ละภูมิภาคที่มีการชุมนุมคู่ขนานกันไป แต่รัฐบาลสามารถควบคุมได้ แต่การดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อบริเวณพื้นที่แยกราชประสงค์อาจเป็นการเติมเชื้อไฟในพื้นที่บางจังหวัด ซึ่งจะเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งต่อไปในอนาคต

เทือกเชิญผวจ.พื้นที่แดงถก

โฆษก ศอฉ.กล่าวอีกว่า จริงอยู่ในพื้นที่ราชประสงค์เป็นพื้นที่ที่ทุกคนทราบดีว่ามีขบวนการก่อการร้ายแฝงอยู่ มีการใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่และผู้บริสุทธิ์ มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง จาบจ้วงสถาบัน และชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ขัดขวางการดำรงชีวิตโดยปกติของประชาชน แต่ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ราชประสงค์ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายทั้งหมด มีส่วนหนึ่ง ที่เป็นประชาชนที่หลงเชื่อคำยุยงบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ในการประเมินตัวเลข ของผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์เมื่อเช้านี้มีประมาณ 6,000 คน

พ.อ.สรรเสริญกล่าวต่อว่า สิ่งที่ ศอฉ.และ รัฐบาลจะต้องทำร่วมกัน คือปฏิบัติภารกิจควบคู่กันไป ทั้งพื้นที่ในต่างจังหวัด ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อลดความคิดเห็นที่แตกต่างกัน รวมถึงการลดข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยวันที่ 25 เม.ย. นายสุเทพจะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดมาหารือถึงแนวทางการปฏิบัติในรายละเอียด เพื่อเริ่มมาตรการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในภูมิภาคต่างๆ

เห็นตัวผู้ก่อการร้ายชัด-จะปราบ

"ขณะเดียวกันในพื้นที่ราชประสงค์ก็ต้องกดดันให้คนที่มาชุมนุมมีจำนวนลดน้อยลง คือกันประชาชนที่ถูกให้ข้อมูลข่าวสารที่บิด เบือนออกมาจากพื้นที่ให้เหลือน้อยที่สุด ขณะนี้เราเพิ่มมาตรการในการกดดัน ถ้าหากย้อนไปในอดีตที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถ เคลื่อนที่ไปที่ไหนก็ได้ในกรุงเทพฯ แต่ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมามีแค่ครั้งเดียวคือที่ยูเอ็น ซึ่งการเคลื่อนมาที่ยูเอ็นก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่ม ผู้ชุมนุมฝ่าฝืนกฎระเบียบแต่เป็นการเจรจา แต่ เขาขอไปที่ยูเอ็นโดยไม่แสดงอาการก้าวร้าว นั้นคือข้อตกลง ทำให้ ศอฉ.ประสานการปฏิบัติของทหารและตำรวจยอมให้ไป" พ.อ. สรรเสริญกล่าว

พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ได้ประเมินสถาน การณ์ทุกวัน ทั้งในพื้นที่ต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ว่าเหมาะสมแค่ไหน อย่างไร ถ้า วันหนึ่งเห็นว่ามีความเหมาะสมแล้ว เหลือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มีความชัดเจน ประชาชนที่ปะปนอยู่เหลือน้อย อย่าว่าแต่การสลายการชุมนุมเลย ท่านผบ.ทบ. บอกว่าใช้คำว่าปราบปรามก็ยังได้ ถ้าเรามีความพร้อมในพื้นที่ราชประสงค์ เราก็พร้อมที่จะปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้าย แต่วันนี้ถ้าเราดำเนินการยังถือว่าสภาพไม่เอื้ออำนวย ไม่เหมาะสมที่จะทำขณะนี้ แต่มาตรการต่างๆ ที่กำหนดขึ้นจะทำให้ไปถึงจุดนั้นได้ ทางรัฐบาลมีมาตรการอื่นเข้ามาเสริม

ยันรัฐบาล-กองทัพ-ตร.มีเอกภาพ

โฆษก ศอฉ.กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ ผู้บริหารมาปรึกษาหารือถึงแนวทางการปรับกำลังของตำรวจ ให้สามารถทำงานสอด คล้องกับเจ้าหน้าที่ทหารอย่างแน่นแฟ้น จากเดิมเคยรับมอบภารกิจเป็นงานๆ ไป โดยจัดเป็นกองร้อยปราบจลาจล โดยวิธีการปฏิบัติงาน หรือการอยู่กับพี่น้องประชาชน จะดึงกำลังมาจากหลายพื้นที่ เพราะฉะนั้นการมารวมกันเป็นกองร้อยปราบจลาจลจึงทำงานลำบาก จึงได้ปรับกำลังแล้วโดยตำรวจภูธรภาค 1-7 จะจัดกำลัง 70 กองร้อย 21 กองร้อยจัดเป็นกองร้อยรักษาความสงบ ปฏิบัติงานกับทหารควบคู่กันไป ส่วนอีก 49 กองร้อยจะปฏิบัติภารกิจการบังคับใช้กฎหมาย โดยขึ้นกับบช.น. และผบช.ภาค 1-7 จะมาควบคุมอำนวยการการปฏิบัติงานของกำลังพลของตัวเอง

"เราไม่สามารถบอกได้ว่าจะเข้าไปจัดการ กับกลุ่มก่อการร้ายเมื่อไร แต่อยู่ที่กลไกของจังหวัดที่ท่านรองนายกฯ เชิญผู้ว่าฯ มาในวันพรุ่งนี้ เพื่อเน้นรายละเอียดการปฏิบัติเพิ่มเติม เพื่อที่จะสามารถชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องในต่างจังหวัดที่ยังมีปัญหาอยู่ ในขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการปรับกำลังแล้ว ส่วนที่สังคมคาดหวังว่าจะให้มีการสลายการชุมนุมนั้น ทางผบ.ทบ.ในฐานะที่เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบการปฏิบัติงานใน ศอฉ. เชื่อว่าการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมในวันนี้ไม่ได้ทำให้ปัญหาจบ แต่เป็นการเติมเชื้อไฟในพื้นที่บางจังหวัด เป็นเพียงแค่การประทังเวลา เพราะฉะนั้นต้องทำควบคู่กันไปในจังหวัดที่มีปัญหา รวมทั้งการกดดันในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เสรีในการเคลื่อนที่ในพื้นที่ต่างๆ ป้องกันการเติมคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารได้ปรับกำลังใหม่ และมั่นใจว่าด่านของเราจะมีความแข็งแรงมากขึ้น ทั้งนี้ มีข่าวลือในลักษณะที่ว่ารัฐบาล กองทัพ ตำรวจไม่มีความเป็นเอกภาพนั้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ผบ.ทบ. ผบ.ตร. เจอกันทุกวัน พูดคุยกัน กินข้าวด้วยกัน ขาดแค่นั่งตักอย่างเดียว" โฆษก ศอฉ.กล่าว

ชี้ผู้ก่อการร้ายขึ้นเวทีปราศรัย

ส่วนการแยกระหว่างประชาชนกับผู้ก่อ การร้ายออกจากกันนั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ผู้ก่อการร้ายจะถืออาวุธ มีการปฏิบัติที่ชัดเจน บิดเบือนข้อมูลข่าวสารบนเวที หลายคนมีความชัดเจนในการปราศรัย หลายคนที่เป็นผู้ชุมนุมถือแค่ตีนตบอย่างเดียว ส่วนการที่ผู้ชุมนุมถือไม้เหลาแหลมนั้นก็ต้องดูเป็นกรณีไป ซึ่งถือเป็นเรื่องยากในการปฏิบัติ แต่ไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่

สำหรับกรณีที่มีภาพจากบล็อกของผู้สื่อข่าว นำเสนอภาพทหารใช้ปืนจ่อหัวตำรวจ ที่กำลังจะจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีระเบิดขวดบนถนนสีลมนั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ตนยังไม่เห็นภาพนี้ แต่เชื่อมั่นว่าด้วยความเป็น เจ้าหน้าที่ด้วยกันจะคุยกันรู้เรื่อง โดยปกติแล้วทหาร ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ เหนื่อยยากด้วยกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจา เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะมาจบลงด้วยการเจรจา ใครมีหน้าที่ ไหนก็ต้องทำอย่างนั้น รัฐบาลหาทางแก้ไขด้วยวิธีการเจรจาก็ทำไป แต่ในกลไกของ ศอฉ.ที่จะทำให้ลดจำนวนผู้ชุมนุม แยกคนบริสุทธิ์เหลือให้อยู่น้อย และดำเนินการปราบปรามผู้ก่อการร้าย ก็ต้องทำต่อไป ซึ่งไม่ถือว่ายั่วยุให้เกิดการปะทะ

รู้วิถีเอ็ม 79 แล้วแต่ยังอุบ

เวลา 11.00 น. ที่บริเวณแยกศาลาแดง หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา สีลม จุดเกิดเหตุระเบิดเอ็ม 79 ในคืนวันที่ 22 เม.ย. พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถา บันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะคณะกรรมการศอฉ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ อาทิ ต้นไม้ที่มีร่องรอยถูกกระสุนปืน และบริเวณหน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทั้งนี้ จากการ สอบถามผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เรื่องเครื่องยิงเอ็ม 79 สามารถระบุได้ว่ามาจากทิศทางไหน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า จากการตรวจสอบจุดระเบิดทั้ง 3 จุดนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากจุดที่ยิงจุดเดียวกันหรือไม่ โดยช่วงเย็นวันนี้จะรายงาน ศอฉ. ทราบ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยา ศาสตร์ยังนำเครื่องตรวจหาวิถีกระสุน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นหัวกระสุนประเภทไหน พร้อมทั้งดูทิศทางการยิง พร้อมประสานกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงศรีฯ เพื่อขอตรวจสอบในบริเวณเพื่อหาเศษตะกั่ว

ต่อมาเวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดธนาคารให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เช่น บริเวณผนังของอาคารที่กระสุนยิงจากด้านนอกทะลุเข้าตัวอาคารด้านใน ตรวจสอบพบว่าเป็นลูกกระสุนแบบเอ็มพี ใช้เครื่องยิงแบบเอ็ม 79 และยังพบว่ามีการใช้เครื่องยิงแบบเอ็ม 79 แต่ใช้ลูกกระสุนจำนวนหลายขนาด โดยที่ยิงเข้าไปถูกผนังของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นลูกกระสุนแบบเอ็มพี ส่วนที่ร้านโอปองแปง เป็นกระสุนแบบเอ็ม 203

ฝนถล่ม-ราชประสงค์บางตา

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่ราชประสงค์ว่า ช่วงเช้ามีฝนตกลงมา ทำให้ผู้ชุมนุมบางตากว่าปกติ ผู้ที่ปักหลักชุมนุมส่วนใหญ่จะหลบฝนเข้าไปอยู่ตามชายคาอาคาร ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะ 6 จุดตามแยกสำคัญทางเข้าสู่สถานที่ชุมนุม แต่บรรยากาศตึงเครียดน้อยกว่าคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ บนเวทีแกนนำเน้นพูดโน้มน้าวให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจกับแนว ทางที่เสนอให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาภายใน 30 วัน และประเด็นที่นายเมธี อมรวุฒิกุล ถูกเจ้า หน้าที่จับกุมพร้อมอาวุธสงครามและรับสารภาพเรื่องยิงทหารในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.

ต่อมาเวลา 11.00 น. แกนนำ นปช.ร่วมกันแถลงข่าวด้านหลังเวที โดยเปิดตัวครอบครัวนายวสันต์ ภู่ทอง อายุ 39 ปี พนักงานร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเป็นชายในคลิปวิดีโอที่ถูกยิงล้มทั้งยืน เสียชีวิตคาที่ ขณะถือธง

เปิดคลิปทหารยิงเสื้อแดง

นายกลั่น เทียนยิ้ม พี่ภรรยานายวสันต์ กล่าวว่า ครอบครัวของเราไม่มีใครจ้าง เต็มใจ มาเรียกร้องตามสิทธิ ไม่ได้กดดันใคร วันเกิด เหตุตนและน้องเขยมาชุมนุมตามปกติที่เวทีราชประสงค์ ต่อมาเมื่อแกนนำขอกำลังไปสมทบที่สะพานผ่านฟ้าฯ ก็ไปร่วมด้วย ตนและนายวสันต์เจอแก๊สน้ำตาจนต้องแยกย้ายกันไปคนละทาง มาทราบข่าวอีกครั้งก็ปรากฏ ว่าเสียชีวิตแล้ว

"อยากบอกว่าครอบครัวของเรามาร่วมชุมนุมแบบไม่มีอาวุธ มีแค่ธง ขวดน้ำ แค่อยากเรียกร้องประชาธิปไตยเท่านั้น และไม่ได้เรียกร้องเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เรียกร้องประชาธิปไตยที่เราเคยมีแล้วถูกยึดไป เราอยากได้นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง" นาย กลั่นกล่าว

จากนั้นนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช. เปิดคลิปวิดีโอตอนหนึ่งที่ทหารกำลังทุบตีคนเสื้อแดง โดยบอกว่าหลังจากดูอย่างละเอียดจะพบว่าไม่ได้มีเพียงการทุบตีเท่านั้น แต่ยังมีทหารนายหนึ่งที่ไม่ได้สวมหมวก ชักปืนสั้นออกมายิงใส่คนเสื้อแดงในระยะกระชั้นชิดด้วย

ณัฐวุฒิโต้คำรับสารภาพ"เมธี"

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า ตอนแรกที่ได้เห็นภาพในคลิปนี้ เราพยายามประกาศหาตัวชายคนที่ถูกทหารทุบตีทำร้าย แต่ไม่มีใครมาแสดงตัว ก็แปลกใจ จนวันนี้เมื่อได้ดูภาพอย่างละเอียดก็เข้าใจแล้ว เมื่อเห็นมีการลั่นกระสุนใส่คนเสื้อแดงที่โดนทุบตี ซึ่งไม่แน่ใจว่าชะตากรรมของคนเสื้อแดงคนนั้นจะเป็นอย่างไร ขอถามรัฐบาลว่าคนที่ยิงใส่ประชาชนนั้นใช่คนชุดดำที่ไหน นี่ใช่ไหมผู้ก่อการร้าย นายอภิสิทธิ์จะยังเป็นนายกฯ ในประเทศที่มีการเข่นฆ่าประชาชนอย่างนี้หรือ ภาพในคลิปนี้ชี้ชัดว่าทหารเป็นคนฆ่าประชาชน แต่ถ้าให้ ศอฉ.มาแถลงก็คงบอกว่าเป็นคนชุดดำ

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า กรณีดีเอสไอระบุว่านายเมธีให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ได้นำปืนที่ผู้ชุมนุมยึดมาจากทหารนำกลับไปยิงทหารที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยานั้น ขอยืนยันว่าเป็นความเท็จ เพราะเหตุการณ์วันนั้นเมื่อตนไปถึงสะพานผ่านฟ้าฯ ได้ให้แกนนำที่นั่นสรุปเหตุการณ์ให้ฟัง ก่อนที่จะขึ้นเวทีประกาศขอให้คนมีอำนาจสั่งการติดต่อมาเพื่อหารือหยุดยิง จากนั้นนายกอร์ปศักดิ์ติดต่อมา และได้เจรจาหยุดยิง ก่อนจะนำปืนที่ยึดจากทหารทั้งหมดมาแสดงบนเวที ขัดกับที่ดีเอสไอบอกว่านายเมธีให้การ เพราะจะมาเอาปืนจากเวทีไปยิงไม่ได้ ตอนนั้นหยุดยิงไปแล้ว การยิงกันที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยายิงกันก่อนที่จะนำปืนมาแสดง

อ้างอิงปฐมพงษ์ชี้-ยิงจากที่สูง

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า กรณีเหตุการณ์ 22 เม.ย. ที่ศาลาแดง สีลม ขอตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อเกิดเหตุไม่นาน และยังไม่มีการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ ศอฉ.รีบออกมา บอกว่า วิถีปืนเอ็ม 79 มาจากบริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ตรงนั้นมีคนเสื้อแดง มีเต็นท์พระภิกษุเต็มไปหมด สอดคล้องกับที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพูดเลยว่าน่าจะยิงมาจากที่สูง หรือแม้แต่คนต่อต้านเราอย่างพล.อ. ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ที่ขึ้นเวทีคนหลากสี ก็เชื่อว่าการยิงมาจากที่สูง จึงอยากให้ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน หรือพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ กรรม การศอฉ. ทำงานอย่างตรง ไปตรงมา โปร่งใส เอาคนผิดมาดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งทวิตเตอร์ราย งานว่าเห็นทหารเอาปืนจ่อหัวนายตำรวจระดับรองผู้กำกับการท่านหนึ่งนั้น ผู้สื่อข่าวท่านนั้นบอกว่าได้พบเห็นเหตุการณ์นี้จริง ก็เอามาบอก ส่วนใครจะขยายผลอย่างไรก็พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ผู้สื่อข่าว ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริงจากภาพในยูทูบและหนังสือพิมพ์ นายตำรวจที่ถูกนายทหารใช้ปืนจ่อศีรษะคือ พ.ต.ท.ไกรศรี สุวรรณงาม รอง ผกก.สน.พระโขนง ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามจับกุมชายฉกรรจ์ที่ขว้างปาของใส่คนเสื้อแดงและกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถูกทหารใช้ปืนขู่ห้ามไว้

ชี้ยอมถอย-เสื้อแดงเจ็บปวด

"จึงอยากถามนายอภิสิทธิ์ว่าจะเป็นนายกฯ ในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ใช่หรือไม่ จากเมื่อก่อนมองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลือง ขยายผลออกไปเป็นระหว่างประชาชนกับประชาชน และวันนี้ก็เป็นตำรวจกับทหาร ตำรวจกรณีนี้เขาได้เปิดเผยชื่อนายตำรวจคนนั้นออกมาแล้ว และฝ่ายทหารละ เป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะหาตัวยาก คนที่ใช้ปืนจ่อหัวนายตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ คนพวกนี้เป็นผู้ก่อการร้ายหรือไม่ ทหารกับผู้ก่อการร้ายพวกเดียวกันหรือไม่" นายณัฐวุฒิกล่าว




เปลี่ยนสี- นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ถอดเสื้อแดงเปลี่ยนเป็นเสื้อสีอื่น ตามยุทธวิธีปรับสีสู้ ป้องกันการสกัดกั้นจากเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยให้ผู้ชุมนุมเปลี่ยนตามด้วย



นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ข้อเรียกร้องใหม่ให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาภายใน 30 วัน เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ นปช.พูดคุยกันโดยละเอียด อย่างรอบคอบ เพราะเมื่อประกาศมตินี้ออกไปกลุ่มเสื้อแดงอาจจะน้อยใจ หรือไม่พอใจ ว่าเป็นการยอมแพ้ มีสถานการณ์ที่เป็นแรงเสียดทานในพื้นที่ชุมนุม และต้องทำความเข้าใจ ซึ่งมีความคิดมาก่อนแล้วว่าจะถูกต่อว่า ด่าทอ จากกลุ่มเสื้อแดง เป็นความเจ็บปวดครั้งใหญ่ แต่ต้องกัดฟันทำ แต่เป็นเพราะไม่ต้องการให้มีการเสียชีวิตเพิ่ม เป็น การถอยเพื่อปกป้องชีวิตเพื่อนร่วมชาติ ไม่ต้องการเดินหน้าบนศพของเพื่อนร่วมชาติ จึงต้องร่วมกับนายอภิสิทธิ์เพื่อร่วมแก้ปัญหา และคืนอำนาจให้ประชาชน

นับหนึ่งแล้ว-รอมาร์คนับสอง

"เสื้อสีไหนก็ตาม จะเจ็บเพิ่ม ตายเพิ่ม ไม่นำมาสู่ชัยชนะของใคร ยอมให้มีใครเจ็บเพิ่มตายเพิ่มไม่ได้ ต้องหยุดและต้องกลับมาเดินบนเส้นทางประชาธิปไตย เรานับหนึ่ง แล้ว อภิสิทธิ์จะนับสองต่อจากเราหรือไม่ หรือจะนับคนตายต่อ เรารอคำตอบจากอภิสิทธิ์อยู่ หากพร้อมนับสองจะมีการพูดคุยกัน ว่าจากนี้จนถึงวันเลือกตั้งจะทำอะไรร่วมกันเพื่อให้สังคมไทยเข้าสู่ความสงบสุข เพราะเมื่อยุบสภาก็ยังต้องรักษาการ 60 วัน จึงต้องหารือว่าระยะเวลาที่มีจะทำอะไร แต่ยังไม่แน่ใจว่าอภิสิทธิ์คิดอะไร สันติภาพหรือสงคราม สิ่งที่รัฐบาลควรทำไม่ใช่เพิ่มกำลัง เพราะพบว่ามีการระดมกำลังตำรวจเข้ามาเพิ่ม และยังพบว่ามีการระดมการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาจากภาคใต้ อยากถามรัฐบาลว่าจริงหรือไม่ หากไม่ใช่เรื่องจริงขอให้รัฐบาลแถลง ซึ่งหลังจากที่มีการยื่นข้อเสนอรัฐบาลควรจะเริ่มคิดและหาคำตอบได้แล้ว เพราะเวลาไม่รอ" นายณัฐวุฒิกล่าว

เชื่อยูเอ็นพิจารณาส่งกำลังมา

ขณะที่นายเหวง โตจิราการ แกนนำนปช. กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่านายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้รับหนังสือที่กลุ่ม นปช.ส่งถึงแล้ว ซึ่งอาจจะกำลังพิจารณากองกำลังมาอารักขากลุ่มคนเสื้อแดง เพราะทราบว่าต้องการสันติ และไม่อยากเห็นความ สูญเสีย

เวลา 14.00 น. ที่สี่แยกราชประสงค์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ขึ้นเวทีปราศรัยด่วน โดยแจ้งให้ผู้ชุมนุมทุกคนเตรียมความพร้อมรับมือการสลายการชุมนุมของรัฐบาลนับจากวันนี้เป็นต้นไป ทำให้ผู้ชุมนุมที่เป็นชายฉกรรจ์ต่างพากันตื่นตัวและรีบกระจายกันไปประจำด่านทั้ง 6 จุดรอบถนนราชประสงค์ โดยมีไม้ไผ่ปลายแหลมเป็นอาวุธ นอกจากนี้ภายในเต็นท์ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีเพียงคนแก่และเด็ก และต่างเร่งจัดเตรียมเสบียงอาหารเพื่อไปส่งให้กับผู้ชุมนุมที่ไปปักหลักอยู่บริเวณด่านแนวพื้นที่ชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณกลุ่มผู้ชุมนุมของภาคอีสาน ที่ปักหลักอยู่บริเวณด้านสวน ลุมพินีได้จัดเตรียมบั้งไฟและตะไล ไว้จุดไล่เฮลิคอปเตอร์ทหารหากมีการบินผ่านมา

กษิตไม่หวั่นคณะทูตเยี่ยมม็อบ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่เอกอัคร ราชทูตและผู้แทนเข้าฟังการบรรยายสถาน การณ์การชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์และย่านสีลม ที่พรรคเพื่อไทย พร้อมเดินทางไปยังเวทีชุมนุมด้วยนั้นว่า กระทรวงการต่างประเทศ เชิญเอกอัครราชทูตหรือผู้แทนเป็นรายประเทศมารับฟังสถานการณ์และหารือกับตน ที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นระยะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญมาชี้แจงอีก การที่คณะทูตไปตามคำเชิญของพรรคเพื่อไทยและลงพื้นที่การชุมนุมนั้น เชื่อว่านักการทูตมีความคิด มีสติปัญญา ไม่ใช่คนไร้ซึ่งปัญญา เราได้ส่งหรือป้อนข้อมูลไปให้สถานทูต โดยมีศูนย์ปฏิบัติการทำงาน 24 ช.ม. และยังป้อนข้อมูลผ่านสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ อย่าไปคิดว่าไม่ได้ทำอะไร หรือไปคิดว่าพล.อ.ชวลิต ยงใจุยทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพบกับคณะทูต แล้วตนจะต้องออกมาเต้นแร้งเต้นกา

รมว.ต่างประเทศ กล่าวต่อว่า ตนไม่มีอะไรต้องไปปิดบังหรือแก้ต่าง พูดอะไรที่มันไม่จริง สื่อทั้งหลายคณะทูตทั้งหลายก็ได้เห็นความเป็นจริงว่าอยู่ที่ไหน ต้องไม่เอาเรื่องโกหกมาพูดกัน อะไรเป็นข้อเท็จจริงก็เป็นข้อเท็จจริง บางสถานทูต ตนก็เชิญมาเป็นการเฉพาะสำคัญๆ เช่น บรูไน เพราะมีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไปอยู่ ตนก็ต้อง บอกว่าการที่บรูไนให้ที่พักพิงพ.ต.ท.ทักษิณ มี 2 เรื่องด้วยกัน และเป็นนัยสำคัญ ต้องไม่ให้การปฏิบัติการทางการเมือง ซึ่งแยกไม่ได้ระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ เสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย ดังนั้นมิตรประเทศทั้งหลายจะให้ที่พักพิงกับบุคคลที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อสังคมไทยหรือระบบประชาธิปไตยเหล่านี้ แล้วจะมาบอกว่าเป็นเพื่อนรัก โดยไม่คำนึงถึงประเด็นอื่นๆ มันก็กระไรอยู่ ในประเทศที่มีความศิวิไลซ์เป็นมิตรที่ดีกับสังคมไทย อะไรมาก่อนมาหลัง สถานทูตก็น่าจะรู้

เรียกทูตหลายชาติชี้แจงบ้าง

รมว.ต่างประเทศกล่าวต่อว่า การเจรจาโดย สันติวิธีและมีการประท้วงเพื่อแสดงสิทธินั้นทำได้ แต่ขณะนี้มีการติดอาวุธของผู้ประท้วง ซึ่งกลายเป็นประเด็นก่อการร้าย ทำให้รูปโฉมการเมืองไทยเปลี่ยนไปเมื่อช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มันเป็นละครฉากเดียวที่ได้มาเล่นกันอีก จากเมื่อเดือนเม.ย.ปี 2552 ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ว่ารัฐบาลทำอย่างไร แต่ผู้กระทำความผิดควรถูกประณาม และสืบสวนสอบสวนหรือไม่ กรณีเหตุการณ์ที่สีลม แน่นอนต้องมีการชี้แจงว่าตอนนี้มีการใช้อาวุธโดยกลุ่มเสื้อแดง มีทหารเสียชีวิต หลายคนบาดเจ็บ รวมทั้งผู้ชุมนุมเสียชีวิตด้วย ส่วนเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อตนไปประชุมประเทศไหน เราก็ต้องชี้แจงให้ประเทศนั้นๆ ทราบว่า นอกเหนือจากการหนีคดีเมืองไทยแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยว ข้องกับเหตุการณ์เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว และความรุนแรงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน จะมีใครปฏิเสธหรือไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีส่วนเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนอยากเรียกร้องให้ใครก็ได้ออกมายืนยันบนเวทีปราศรัยสักคนว่าไม่เกี่ยวโยง หากพ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนดีและ มาเดินเข้าคุก ตนก็คงไม่ต้องไปยุ่งกับพ.ต.ท. ทักษิณอีก

รมว.ต่างประเทศกล่าวด้วยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเชิญเอกอัครราชทูตหลายประเทศมาพบ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย ศรีลังกา บรูไน เลขาธิการเอสแคปของยูเอ็น ภายใน 3-4 วันนี้ จะเชิญเอกอัครราชทูตมาเลเซีย ตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศอาหรับ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โอมาน คูเวต กาตาร์ บาห์เรน มาชี้แจงเป็นกลุ่มๆ บางประเทศก็มีประเด็นปัญหาเฉพาะ หรือบางกลุ่มที่เราอยากคุยด้วย

วาสนาพักจัด"ลับลวงพราง"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการ "ลับลวงพราง" ทางสถานีวิทยุ 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ รายการวิเคราะห์ข่าวด้านการทหาร ความมั่นคง และข้อมูลเชิงลึกในกองทัพ เมื่อเช้าวันที่ 24 เม.ย. ปกติมีนายพัชร สารพิมพา รักษาการ ผอ.คลื่น 100.5 จัดร่วมกับน.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร หนังสือพิมพ์บางกอก โพสต์ แต่ปรากฏว่ามีนายพัชร จัดรายการเพียงคนเดียว โดยนายพัชรอ้างว่าน.ส.วาสนาติดภารกิจ ทั้งที่ปกติแล้วถ้าผู้จัดไม่เข้ามาที่ห้องส่ง อสมท จะจัดรายการทางโทรศัพท์ แต่ปรากฏว่าน.ส.วาสนาไม่ได้จัดรายการทางโทรศัพท์แต่อย่างใด สอบถาม น.ส.วาสนาระบุเพียงว่า ช่วงนี้สถานการณ์การเมืองอ่อนไหว ไม่สามารถจัดรายการได้เต็มที่ในแนวทางของตนเองที่จะเสนอข่าวของทุกสีทุกขั้ว เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ฟังทุกฝ่ายได้ จึงของดจัดรายการไปก่อน จนกว่าเหตุการณ์คลี่คลาย หรือเสรีภาพในการนำเสนอข่าวและ ความคิดเห็นจะดีขึ้น หรือหาก อสมท หาผู้จัดรายการคนใหม่แทนได้ พร้อมจะเลิกจัด ที่สำคัญไม่อยากทำให้คน อสมท เดือดร้อนจากการจัดรายการของตนเอง เพราะได้ยินคน อสมท.บ่นเสมอว่าผู้จัดรายการคนนอก ทำให้ อสมท เดือดร้อน

โดนบี้ห้ามสัมภาษณ์ทหารแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุที่น.ส.วาสนาขอยุติการจัดรายการชั่วคราว เพราะมีคำสั่งจากนายสุเทพไม่ให้สัมภาษณ์นายทหารฝ่ายเสื้อแดง ต้องสัมภาษณ์แต่เฉพาะนายทหารที่สนับสนุนรัฐบาล น.ส.วาสนาเห็นว่าสถานการณ์เช่นนี้ ไม่สามารถทำหน้าที่ของสื่อได้เต็มที่ ปกติรายการ "ลับ ลวง พราง" จะมีการถ่วงดุลคือสัมภาษณ์ทหารทั้งสองสีสองฝ่าย แต่เมื่อรัฐบาลให้สัมภาษณ์ฝ่ายเดียว จึงไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ กลายเป็นรายการที่ถล่มโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ซึ่งรายการประเภทนี้มีเยอะมากแล้ว

"ปกติรายการจะสัมภาษณ์ทหารสองฝ่าย แต่ฝ่ายรัฐบาลมักไม่สนใจภาพรวมของรายการ ว่าเป็นการเสนอข่าวสองด้าน และต้องการให้ผู้ฟังที่มีทุกขั้วทุกสี เปิดใจกว้างรับฟังความเห็นที่แตกต่าง แต่เมื่อสัมภาษณ์ทหารสายเสื้อแดงเมื่อใด รัฐบาลจะไม่พอใจ บี้มาทาง อสมท เสมอ ทำให้น.ส.วาสนาอึดอัดใจ" แหล่งข่าวระบุ

บิ๊กบีทีเอสยินดีเช็กวงจรปิด

นายอาณัติ อาภาภิรม ผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส กล่าวถึงการที่รองผู้ว่าฯกทม. ระบุว่ากล้องวงจรปิดของทางบีทีเอสสามารถ จับภาพการยิงระเบิดเอ็ม 79 เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาได้ว่า ทราบข่าวจากการอ่านหนังสือพิมพ์เช่นกัน ว่ากล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถจับและบันทึกภาพเหตุการณ์ในคืนวันที่ 22 เม.ย.ได้ ซึ่งจะสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง ว่ากล้องของบีทีเอสสามารถจับภาพได้จริงหรือไม่ หากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือในการขอดูกล้องย้อนหลัง ทางบีทีเอสก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้าแต่ละแห่ง จะไม่ได้เน้นการจับภาพภายนอกตัวอาคารสถานี แต่จะเน้นการจับภาพภายในตัวสถานี เพื่อดูการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละสถานี รวมถึงความเคลื่อนไหวของผู้โดยสาร และการให้บริการของรถไฟฟ้ามากกว่าการจับภาพนอกตัวอาคารสถานี ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่ากล้องที่จับภาพได้นั้นเป็นของสถานีบีทีเอสหรือไม่ หรืออาจจะเป็นกล้องวงจรปิดในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกทม. อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบภาพในกล้องวงจร ปิดย้อนหลัง

พท.แฉ"ส-น"ส่งฮาร์ดคอร์บุก

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวของพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา มี 1 ใน 4 นักธุรกิจใหญ่ที่อุ้มรัฐบาลและผู้นำกองทัพ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ โดยระบุว่าหากการชุมนุมของคนเสื้อแดงยังไม่จบภายในวันที่ 30 เม.ย. นายกฯต้องยุบสภาหรือลาออก และขณะนี้ผู้นำกองทัพยืนยันว่าไม่ต้องการใช้กำลังสลายการชุมนุม เพราะจะทำให้สถานการณ์บานปลาย จนนักการเมืองใหญ่ระดับอักษรย่อ "ส" และ "น" ระดมกลุ่มฮาร์ดคอร์จากภาคใต้ถึง 500 คน เข้ามาปะปน กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมสร้างสถานการณ์ให้รุนแรง เพื่อให้รัฐบาลมีเหตุอ้างประกาศกฎอัยการศึกปราบปรามผู้ชุมนุมก่อนสิ้นเดือนเม.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุการณ์วันที่ 22 เม.ย.ที่แยกศาลาแดง ถนนสีลม มีการจับกุมอาสาสมัครชาว อ.สะเดา จ.สงขลา ได้ 1 คน แต่เจ้าหน้าที่บางคนกลับบอกให้ปล่อยตัวไป

โวยดีเอสไอรีบเปิดผล"เมธี"

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า กรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่านายเมธีสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. เป็นที่น่าสังเกตว่านายธาริตเคยพูดไว้ตั้งแต่ต้นว่า ห้ามเปิดเผยผลการสอบสวน จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ แต่วันนี้ยังสอบสวนไม่เสร็จกลับมาเปิดเผยรายละเอียดอย่างลุกลี้ลุกลน ออกมาให้ข่าวเหมือนชี้นำสังคมให้เชื่อตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์