ประชุมอาเซียนภูเก็ต ผู้นำอาจมาไม่ครบ นายกฯแจงใช้พ.ร.บ.มั่นคงไม่น่ากลัว ยันไม่ซ้ำรอยพัทยา


"อภิสิทธิ์" เผยผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา พร้อมเดินทางมาร่วมประชุมที่ภูเก็ต 13-14 มิ.ย.นี้ แต่มีบางประเทศอาจไม่สะดวก แจงใช้พ.ร.บ.มั่นคง ไม่มีอะไรน่ากลัว แค่ดูแลความปลอดภัยและคุมเส้นทางคมนาคม มั่นใจไม่มีเหตุซ้ำรอยที่พัทยา บอกไม่ขวางสิทธิการชุมนุม แต่วอนให้เห็นแก่หน้าตาประเทศ

 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.) เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ถึงการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนมิถุนายนนี้ ว่า การประชุมระดับนานาชาติไม่ว่าจะเป็นการประชุมสาธารณสุขอาเซียน หรือการประชุมผู้นำอาเซียนนี้ ก็จะถูกจับตาทั้งจากสมาชิกที่มาประชุมและประเทศอื่นๆ จากกรณีการประชุมที่พัทยา ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือให้การจัดงานการประชุมสาธารณสุขอาเซียนครั้งนี้เรียบร้อย ขณะนี้รัฐบาลกำลังมุ่งหน้าเตรียมความพร้อมในการจัดประชุมผู้นำอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต ในเดือนมิถุนายนนี้
 
เมื่อถามว่า การประชุมที่ จ.ภูเก็ต มีการเตรียมนำพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ความมั่นคงมาบังคับใช้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นข้อเสนอของหน่วยความมั่นคง ซึ่งไม่มีอะไรน่ากลัวหรือซับซ้อน แต่มี 2 เรื่องที่เป็นความต้องการ คือ 1.เรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยจะให้หน่วยงานใดเพียงหน่วยงานหนึ่งไม่ได้ ซึ่งทุกครั้งจะมอบให้ตำรวจ แต่ภาระตำรวจเยอะและเรื่องความพร้อม ข้อจำกัดนี้รัฐบาลทราบดี ดังนั้น การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง หรืออำนาจอื่นใดก็จะมีความยืดหยุ่นคล่องตัวในการนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นกำลังทหารหรือส่วนราชการอื่นเข้าช่วยทำงาน 2.เมื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง อำนาจเพิ่มเติมมา เช่น การดูแลเส้นทางคมนาคม การตรวจคนเข้าออก ทำให้การดูแลปกติไม่ได้ จึงต้องไปดูว่ามีช่องทางใดบ้างให้อำนาจเจ้าหน้าที่ ขณะนี้มี พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่ให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบดูว่าเป็นอย่างไร การประกาศเข้าเงื่อนไขหรือไม่ ประกาศแล้วเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเข้าใจผิด
 
เมื่อถามว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนตอบรับร่วมประชุมครบหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างรับการยืนยัน เพราะมีเรื่องช่วงเวลาที่เจาะจง วันที่ 13 – 14 มิถุนายน แต่มีบางประเทศที่จะไปสหรัฐช่วงวันที่ 14 – 15 มิถุนายน จึงเกรงว่าจะไปทันหรือไม่ แต่ภาพรวมตอบรับทางบวก เพราะเห็นพ้องว่าการประชุมเป็นสิ่งจำเป็น ทุกประเทศเห็นความตั้งใจของรัฐบาล และมั่นใจว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นที่พัทยาอีก
 
เมื่อถามว่า ในการประชุมผู้นำอาเซียนเหมือนไม่อยากให้มีการชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลก็ไม่อยากให้มีการชุมนุม แต่ก็เป็นสิทธิ แต่เมื่อมีกฎหมายมีอำนาจพิเศษ ก็สามารถดูแลการชุมนุมได้ ทั้งนี้ ทุกอย่างเป็นอำนาจตามกฎหมาย การใช้สิทธิทำได้ แต่การประชุมอาเซียนเป็นเรื่องของประเทศ ของโลก หน้าตาเกียรติภูมิประเทศ ความเชื่อมั่น อยากบอกเรื่องปัญหาภายใน อย่าให้กระเทือนตรงนั้น วันนี้มีคณะกรรมการที่รัฐสภาตั้งขึ้นมาเปิดให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมทั้งเรื่องสมานฉันท์ ปรองดอง แก้ปัญหาข้อกฎหมายที่เห็นว่าไม่เป็นธรรม
 
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ช่วง 7 วันที่ผ่านมาในงานสำคัญต่างๆ ขอขอบคุณประชาชนที่ได้แสดงออกและมีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศที่ดีให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง โดยเฉพาะวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล และรัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก ปรากฏว่ามีประชาชนหลายแสนคนมาร่วมงานถวายความจงรักภักดีอย่างพร้อมเพียง เป็นภาพที่ทำให้เกิดความประทับใจไม่เฉพาะในคนไทย แต่ชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยหรือข่าวสารที่ออกไปแสดงให้เห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนชาวไทย ในการหล่อรวมจิตใจแสดงความยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ ถือเป็นโอกาสดีในการใช้สถาบันหลักของชาติเป็นสิ่งยึดเหนียวและหล่อรวมจิตใจ เพื่อนำไปสู่ความสมัครสมานสามัคคีและก้าวเดินไปข้างหน้าที่จะมีความแข็งแกร่ง
 
"วันที่ 6 พฤษภาคม ผมมีโอกาสร่วมเปิดงานวันวิสาขบูชาโลก มีประเทศนับถือศาสนาพุทธจำนวนมากที่เข้าร่วมกิจกรรม มีพระสงฆ์กว่า 80 ประเทศ เข้าร่วมโครงการ นอกจากการจัดงานดังกล่าวยังมีการประชุมพูดถึงหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนามาประยุกต์การแก้ปัญหาของโลกทั้งเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาก่อการร้าย โดยเฉพาะเน้นการใช้ทางสายกลางแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะยอมรับว่าปัญหาของโลกเกิดจากความสุดโต่งทางใดทางหนึ่ง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและความขัดแย้ง มีการพูดในที่ประชุมว่าควรเริ่มแก้ปัญหาที่ตัวตนเองก่อน หากทุกคนพิจารณาทบทวนตัวเองก่อน น่าจะแก้ปัญหาส่วนร่วมได้ " นายอภิสิทธิ์กล่าว
 
นายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ แกนนำกลุ่มพิทักษ์ประชาธิปไตยภูเก็ต กล่าวถึงกรณี รัฐบาลเตรียมการประกาศตามพ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อดูแลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่ จ.ภูเก็ต ว่า อยากถามรัฐบาลว่ามีเหตุผลเช่นไรในการประกาศดังกล่าว ใน จ.ภูเก็ต และ จังหวัดใกล้เคียง หรือกำลังเกิดภาพหลอนกับตัวเอง ทั้งๆ ที่ จ.ภูเก็ตนั้น เป็นพื้นที่มั่นของพรรคประชาปัตย์มานานหลายปีแล้ว  มีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถึง 3 คน รวมทั้ง นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ยังเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองด้วย แสดงว่าไม่มีความมั่นใจในศักยภาพของผู้แทนในพื้นที่ ที่สำคัญคือ จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่ของตัวเอง ยังใช้พ.ร.บ.ดังกล่าว แล้วในอนาคต นายอภิสิทธิ์ หรือคณะรัฐมนตรี จะเดินทางไปราชการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือหรือจังหวัดอื่นๆ ได้อย่างไร  การบริหารราชการแผ่นดินจะมีประสิทธิภาพครอบคลุมได้อย่างไร
 
"จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่การท่องเที่ยวนานาชาติ ภาพลักษณ์ที่สำคัญคือ ความมั่นคงปลอดภัย  นักท่องเที่ยวมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เจอเตำรวจ ทหารถืออาวุธ พร้อมสุนัขสงคราม อาจรู้สึกไม่ดี อยากให้รัฐบาลใคร่ครวญให้ดี  ยิ่งไปกว่านั้น การใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ไปประจำที่บริเวณสะพานท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร และด่านตรวจภูเก็ต บ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง เพื่อตรวจค้น ตรวจตราผู้สัญจรเข้าออกอย่างเข้มงวดกวดขัน ภาพเหล่านี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ประกาศใช้พระราชบัญญัติ แต่ความทรงจำของประชาชนและนักท่องเที่ยว จะฝังใจไปยาวนานแน่นอน" นายวิสุทธิ์ กล่าว
 
วันเดียวกัน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ตรวจเยี่ยมการฝึกทบทวนกองร้อยควบคุมฝูงชน ของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ที่ท่าอากาศยานระนอง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ จ.ภูเก็ต วันที่ 12-14 มิถุนายน โดยได้สมมุติสถานการณ์มีการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกและต่อต้านการจัด ประชุม ใช้กำลังตำรวจควบคุมฝูงชนจากทุกสถานีจำนวน 2 กองร้อย รวม 290 นาย  เข้าควบคุมสถานการณ์ ซึ่งมีการปะทะกันเหมือนเกิดเหตุการณ์จริงทุกประการ
 
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ในการจัดประชุมยอดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา มีความมั่นใจมากว่าจะสามารถรักษาความปลอดภัยให้ผ่านไปได้ด้วยดี โดยใช้กำลังตำรวจ 14 กองร้อย รวมกว่า 3,000 นาย  ซึ่งตนไปตรวจเยี่ยมการฝึกซ้อมของตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบแล้วมีความมุ่งมั่นในการทำงานครั้งนี้เป็นอย่างมาก
 
นายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ แกนนำกลุ่มพิทักษ์ประชาธิปไตยภูเก็ต กล่าวถึงกรณี รัฐบาลเตรียมการประกาศตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อดูแลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่ จ.ภูเก็ต ว่า อยากถามรัฐบาลว่ามีเหตุผลเช่นไรในการประกาศดังกล่าว ใน  จ.ภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง หรือกำลังเกิดภาพหลอนกับตัวเอง ทั้งๆ ที่ จ.ภูเก็ตนั้น เป็นพื้นที่มั่นของพรรคประชาปัตย์มานานหลายปีแล้ว  มีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถึง 3 คน รวมทั้ง นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ยังเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองด้วย แสดงว่าไม่มีความมั่นใจในศักยภาพของผู้แทนในพื้นที่ ที่สำคัญคือ จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่ของตัวเอง

"ภูเก็ตเป็นพื้นที่การท่องเที่ยวนานาชาติ ภาพลักษณ์ที่สำคัญคือ ความมั่นคงปลอดภัย นักท่องเที่ยวมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เจอเตำรวจ ทหารถืออาวุธ พร้อมสุนัขสงคราม อาจรู้สึกไม่ดี อยากให้รัฐบาลใคร่ครวญให้ดี  การใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ไปประจำที่บริเวณสะพานท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร และด่านตรวจภูเก็ต บ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง เพื่อตรวจค้น ตรวจตราผู้สัญจรเข้าออกอย่างเข้มงวดกวดขัน ภาพเหล่านี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ประกาศใช้ พ.ร.บ. แต่จะความทรงจำของประชาชนและนักท่องเที่ยว จะฝังใจไปยาวนานแน่นอน" นายวิสุทธิ์กล่าว
 

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์