ดีเดย์ 14 ก.ค. จะเป็นอย่างไรต่อไป ??

ก่อนเคลื่อนสู่ทำเนียบฯ ตั้งเวทีปราศรัย ชูธงขับไล่ประเด็น ผู้มีบารมี และการบริหารราชการระหว่างเป็น รัฐบาลรักษาการ ยันไม่มี นัย นัดชุมนุมใหญ่ วันก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ฝ่ายรัฐบาลอัดแหลก ไม่ยึดถือพระราชดำรัสน้อมใส่เกล้า ส่วน ครูหยุย ค้านชุมนุม ชี้สถานการณ์ยังไม่สุกงอม-พุ่งเป้าผิด ไล่ กกต. เหมาะสมกว่า ยุทธตู้เย็น ลั่นฟ้อง สนธิ อีกคดี ขณะที่ ดร.สุรพงษ์ จี้ใช้ ม.70 จับสนธิ

สถานการณ์การเมืองในประเทศเขม็งเกลียวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศดีเดย์ชุมนุมใหญ่อีกครั้งปักธงล้มระบอบทักษิณ โดยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ก.ค. ที่บ้านพระอาทิตย์ สำนักพิมพ์ผู้จัดการ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ประกอบด้วยนายสุริยะใส กตะศิลา, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงชัย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ร่วมแถลงท่าทีถึงการเคลื่อนไหว หลังสถานการณ์อึมครึมที่สังคมต้องการคำตอบถึงบุคคลที่เป็น ผู้มีบารมี ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้พูดไว้ในช่วงหนึ่งของการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ มอบ นโยบายข้าราชการรับฟัง เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา

นายสุริยะใสกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีความพยายามที่จะสอบถามกับตัว พ.ต.ท. ทักษิณ ว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใครก็ไม่ได้รับคำตอบ กลับมีการบิดเบือนว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ ฝ่ายค้าน หรือแม้กระทั่งสื่อมวลชน ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายลง อีกทั้งพฤติกรรมของระบอบทักษิณระหว่างเป็นรัฐบาลรักษาการ ปรากฏชัดว่ามีการจาบจ้วงสถาบัน ที่ประชุมจึงมีมติร่วมกันว่า หากคนไทยเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องร่วมกันแสดงพลังปกป้องประชาธิปไตย ก็เชิญมาร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ฝั่งศาลฎีกา ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันศุกร์ที่ 14 ก.ค. และร่วมเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 09.00 น. เพื่อเรียกร้องคำตอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าผู้มีบารมีดังกล่าวเป็นใคร และเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกเพราะดำรงตำแหน่งนายกฯรักษาการยืดเยื้อเกิน 120 วันตาม กรอบรัฐธรรมนูญ และจะมีการตั้งเวทีปราศรัยหน้าทำเนียบฯด้วย

ต้องประเมินสถานการณ์กันว่าจะชุมนุมกันยืดเยื้อข้ามคืนหรือไม่ และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหากระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะที่ผ่านมาเราประสานงานกับเจ้าหน้าที่ได้ดี โดยจะมีการเฝ้าระวังไม่ให้มือที่ 3 เข้ามาวุ่นวายระหว่างการชุมนุม นายสุริยะใส กล่าว

ด้านนายสนธิ กล่าวว่าช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบว่าผู้มีบารมีคือใคร แต่ให้ลิ่วล้อมาอาละวาด รังแกคนอื่นต่าง ๆ นานา ทั้งที่สังคมมีปฏิกิริยาสะท้อน กลับเรื่องนี้รุนแรง ประกอบกับการเป็นรัฐบาล รักษาการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรไม่สนใจกติการัฐธรรมนูญ เช่น การแต่งตั้ง พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เป็นเลขาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อดูแลเรื่องไอทีวี หรือการตั้งนครสุวรรณภูมิ ศูนย์ราชการที่แจ้งวัฒนะ เหล่านี้จึงอยากให้ประชาชนมาร่วมแสดงพลังกันอีกครั้ง

ถ้าเห็นว่าระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขคือสิ่งที่เราต้องการ ก็ขอเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุม พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องรับผิดชอบกับคำพูด ทำให้เกิดความชัดเจน จะใช้วิธีเดิม ๆ คือพอเพลี่ยงพล้ำก็ปิดปากเงียบไม่ได้แล้ว อย่างน้อยผมคนหนึ่งก็ไม่ยอม นายสนธิกล่าว

ส่วนนายสมศักดิ์ กล่าวว่า เหตุที่อยากเชิญประชาชนให้มาร่วมชุมนุม เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณไม่เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลการพูดจาที่ไม่เหมาะสม รวมถึงประเด็นอื่น เช่น การกลับมาจัดรายการวันเสาร์ การบอก ว่าลาออกจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ แต่อยู่ ๆ ก็กลับมา หรือการจัดเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ศาลตัดสินแล้วว่าไม่ชอบธรรม แสดงว่า พ.ต.ท. ทักษิณและลิ่วล้อต้องการได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่เป็นตามวิถีของรัฐธรรมนูญ

ขณะที่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกล้าพูดขนาดนี้ จะมาใช้วิธีปฏิเสธว่าไม่ใช่คนนั้นคนนี้ก็ไม่ได้ เพราะสุดท้ายก็ต้องตอบว่าเป็นใครและคนนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร เมื่อถามว่าเหตุที่เลือกวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันครบรอบการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แสดงถึงการต่อต้านพรรคไทยรักไทย หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่าไม่ใช่จุดมุ่งหมาย แต่เห็นว่าเป็นวันก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สามารถจัดเตรียมความพร้อมได้มากกว่า

อีกด้าน ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัลลาดพร้าว พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ว่าตนขอฝากเพียงอย่างเดียวว่าขอให้ทุกคนยึดกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เช่นเดียวกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวในทำนองเดียวกันว่าหากใครจะทำอะไรก็ขอให้นึกถึง บ้านเมือง โดยยึดพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ให้คิดดี ทำดีต่อกันเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ทุกฝ่ายที่ไม่ชอบกันต่างพึ่งพากระบวนการยุติธรรมด้วยกันทั้งหมดแล้ว ดังนั้นควรปล่อยให้กระบวนการของศาลได้ตัดสิน ดีกว่าการออกมาเคลื่อนไหวนอกระบบ

ขณะที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีที่ถูกนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่าตนเองสั่งการให้ฝึกอาวุธเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเพื่อนำมาชนกับม็อบกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าตนจะฟ้องกลับในเรื่องนี้ ขอให้ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาล เมื่อถามว่านายสนธิระบุว่า เจ้าหน้าที่ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ฝึกอาวุธเพื่อเตรียมรับมือกลุ่มม็อบ นายยงยุทธตอบด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่าบ้า ขอยืนยันว่าตนไม่เคยสั่งการดังกล่าว เพราะการฝึกอาวุธของเจ้าหน้าที่ทำเป็นประจำทุกปีอย่างเปิดเผย เพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ ขอให้นายสนธิหยุดปรุงแต่งเพื่อให้เกิดความวุ่นวายแก่ประเทศชาติได้แล้ว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ นัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะการกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก เท่ากับเปิดทางให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 ขอนายกฯพระราชทาน ดังนั้นการเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่น้อมรับพระราชดำรัส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสว่า ม.7 ไม่ใช่ประชาธิปไตยและยังสร้างความเดือดร้อนให้พระองค์ อีกทั้งการกำหนดชุมนุมในวันก่อตั้งพรรคไทยรักไทยยังส่อเจตนาชัดเจนว่าต้องการทำลายชื่อเสียงพรรค อย่างไรก็ตามพรรคไทยรักไทยและรัฐบาลยังยึดแนวทางสมานฉันท์เหมือนเช่นเดิม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุการณ์ม็อบชนม็อบอย่างแน่นอน

ด้าน นพ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย กล่าวโจมตี พร้อมเรียกร้องให้นายสนธิและพวก พร้อมด้วยกลุ่มชนชั้นสูงทางสังคม ยุติการออกมาเคลื่อนไหว เพราะเป็นการดึงฟ้าสูงให้ต่ำ ทั้งนี้คนในจังหวัดอุดรธานี ในนามชมรมคนรักอุดร ที่มีสมาชิกกว่า 1 แสนคน รู้สึกเคียดแค้นในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งตนเองไม่อยากให้เกิดการปะทะกันขึ้น แต่ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนไหวเดินทางมาที่ จ.อุดร ธานี ระวังจะมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ประธานเครือข่ายพลังประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมพวก เดินทางยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยึด ม.70 ดำเนินการทางกฎหมายกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ หลังนายสนธิเรียกร้องให้ประชาชนเลือกข้าง จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางกฎหมายกับนายสนธิ อาศัยข้อกฎหมายดังกล่าวพิจารณาว่าเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่ ทั้งนี้ พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.ศปก.ตร. เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือเพื่อดำเนินการต่อไป

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ รักษาการ ส.ว. กรุงเทพฯ กล่าวถึงกรณีเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ก.ค.ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าระยะนี้สถานการณ์ยังไม่สุกงอมพอที่ จะมีการชุมนุม สังคมยังต้องการความนิ่งมากกว่านี้ ถ้าชุมนุมกันน่าจะเป็นการชุมนุมขับไล่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกจากตำแหน่งน่าจะตรงเป้าหมายกว่า เพราะประเด็นนี้รู้สึกว่านิ่งเกินไปแล้ว ส่วนกรณีที่ทีมกฎหมายพรรคไทยรักไทย ระบุว่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเป็นนาย สนธิกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องตลก ลูกหาบควรจะเลิกตีความและให้นายกรัฐมนตรีออกมาเป็นผู้ชี้แจงเอง.

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์เดลี่นิวส์