อัยการตีกลับสำนวนคดีเรือดับเพลิง ส่ง ป.ป.ช.ตั้งคณะทำงานร่วม ส่อไม่เข้า พ.ร.บ.ฮั้ว


อัยการตีกลับสำนวน "คดีทุจริตรถ-เรือดับเพลิง" กรุงเทพฯ 6,800 ล้าน ให้ประธาน ป.ป.ช.ตั้งคณะทำงานร่วม หลังตรวจพบข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวน 8 - 10 ข้อ เอกสารแปลไม่ครบ ชี้หากเป็นสนธิสัญญา อาจไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ฮั้ว

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาสั่งคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ส่งสำนวนการสอบสวนและเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นชี้มูลความผิด นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตผู้ว่าราชการ กทม. กับพวกทุจริตการจัดซื้อรถดับเพลิง เรือดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย มูลค่ากว่า 6,800 ล้านบาทว่า หลังคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนของ ป.ป.ช. แล้วเห็นว่า การสอบสวนยังมีข้อไม่สมบูรณ์อยู่ 8-10 ข้อ จึงทำหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ส่งไปให้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ทราบเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมเสนอให้ ประธาน ป.ป.ช. ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์และสอบสวนเพิ่มเติมร่วมกับคณะทำงานอัยการ ซึ่งมี นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เป็นหัวหน้า

นายวัยวุฒิ กล่าวว่า ข้อไม่สมบูรณ์ 8-10 ข้อที่อัยการส่งไปให้ อาทิ เอกสารบางส่วนยังไม่ได้แปลภาษาและบางส่วนแปลไม่ครบถ้วน รวมทั้งประเด็นสัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิงนั้น เป็นสนธิสัญญา หรือว่าสัญญาซื้อขาย เพราะหากซื้อขายรถและเรือดับเพลิงเป็นสนธิสัญญา ซึ่งเป็นการซื้อขายระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือจีทูจี ก็อาจไม่เข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล รวมทั้งยังมีหลายประเด็นที่อาจมีข้อโต้แย้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอความเห็น ป.ป.ช.ว่าจะพิจารณาตั้งคณะทำงานร่วมอัยการหรือไม่  ถ้า ป.ป.ช.เห็นด้วยให้ตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมาพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์และสอบเพิ่มเติม คณะทำงานร่วมสามารถสอบสวนต่อไปเพื่อทำให้สมบูรณ์ และหากคณะทำงานร่วมพิจารณามีความเห็นตาม มติ ป.ป.ช.ว่าพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ที่จะสั่งฟ้องแล้วก็จะเสนอ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด พิจารณายื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ถ้าคณะทำงานร่วมมีความเห็นต่างกัน โดยอัยการเห็นว่าหลักฐานไม่พอฟ้อง ส่วน ป.ป.ช.เห็นว่าพอฟ้อง ป.ป.ช.อาจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาเองก็ได้ เป็นขั้นตอนปกติที่เคยทำก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ว่าการกระทำของนายอภิรักษ์ มีมูลความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ กทม. และฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มติเอกฉันท์ว่า การกระทำของนายโภคิน พลกุล อดีต รมว. มหาดไทย นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม. พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บริษัทสไตเออร์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และความผิดตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7, 11, 12 ประกอบมาตรา 83 ของประมวลกฎหมายอาญา พร้อมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ส่วนคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม. แม้ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าร่วมกระทำความผิดด้วย แต่ในฐานะที่ทราบเรื่องความไม่ถูกต้องของโครงการเป็นอย่างดี แต่ไม่แก้ปัญหาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ป.ป.ช.จึงมีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดฐานประมาทเลินเล่อร้ายแรง ส่วนนายราเชนทร์ พจนสุนทร อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดวินัยไม่ร้ายแรง สำหรับนายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตเลขานุการฯ รมช.มหาดไทย และนายมาริโอ มีนาร์ ผู้แทนบริษัท สไตเออร์ นั้น ป.ป.ช.มีมติว่า ไม่มีมูลความผิด

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์