ใครโกหก

มติชน

บทนำ

ไม่ทราบว่ามีอะไรไปดลใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงได้ระบายความอัดอั้นกลางที่สาธารณะด้วยการกล่าวหา "ผู้มีบารมี" ที่อยู่ "นอกรัฐธรรมนูญ" กำลังจะมาดำเนินการอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอำนาจการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อน


เหตุที่คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น ก็เนื่องมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณในปัจจุบัน ไม่ใช่ "ทักษิณ ชินวัตร" ธรรมดา หากแต่เป็นบุคคลที่กำลังรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องรักษาไว้ซึ่งความเชื่อมั่น ทั้งความเชื่อมั่นในความคิด เชื่อมั่นในคำพูด และเชื่อมั่นใจการกระทำ

และด้วยเหตุที่คำพูดของนายกรัฐมนตรีต้องเป็นคำพูดที่เชื่อถือได้ สื่อมวลชนหรือทุกคนในสังคมแห่งนี้ จึงให้ความสำคัญกับคำพูดของนายกรัฐมนตรี ดังนั้น เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สื่อมวลชนจึงให้ความสำคัญกับคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

ยิ่งคำพูดดังกล่าว เป็นคำพูดที่กล่าวหา "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" กำลังเข้ามาทำสิ่งที่ไม่ดีต่อการบริหารประเทศตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยมีเป้าหมายเพื่อแย่งชิงอำนาจจากรัฐบาล ยิ่งทำให้คำพูดดังกล่าวได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น

ยิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณได้อ้างอดีตรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่ชื่อนายวิษณุ เครืองาม และอดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกคนหนึ่งที่ชื่อ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ซึ่งได้ลาออกไปว่า เหตุแห่งการลาออกมาจาก "ผู้มีบารมี" คนดังกล่าว ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่า กรณีที่กำลังกล่าวขวัญถึงอยู่นี้มีพยานพร้อมมูลในการกล่าวหา

จากรูปการณ์ที่ปรากฎ เมื่อมีเรื่องที่นายกรัฐมนตรีกล่าวหาว่ามีคนมีบารมีกำลังกระทำความผิด เพื่อแย่งชิงอำนาจ โดยมีพยานบุคคลเป็นบุคคลสำคัญของชาติที่เคยครองตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำให้เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาพูดต่อหน้าสาธารณะกลายเป็นเรื่องใหญ่

อย่างไรก็ตาม แม้ในภายหลัง นายบวรศักดิ์ซึ่งถูก พ.ต.ท.ทักษิณอ้างเป็นพยานกล่าวหา "ผู้มีบารมี" คนนั้น จะออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าการลาออกจากตำแหน่งของตัวเองนั้น เป็นการลาออกด้วยดี ไม่มีใครมาขอร้องหรือบังคับ แต่การเป็นการลาออกเพราะเห็นว่าข้อเสนอแนะของตัวเองนั้นไม่ได้รับความเชื่อถืออีกแล้ว จึงคิดจะหาทางออกให้ชีวิตด้วยการไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ซึ่งคำให้สัมภาษณ์ของนายบวรศักดิ์ ขัดแย้งกับคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างชัดแจ้ง ทำให้กรณี "ผู้มีบารมี" ร้อนแรงยิ่งขึ้น เพราะในการพูดคุยกันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายบวรศักดิ์ในเรื่องการขอลาออกนั้น เป็นการพูดคุยกันแบบตัวต่อตัว จึงไม่รู้ว่าระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายบวรศักดิ์ ใครกันแน่ที่โกหก

จึงควรจะมีการพิสูจน์ความจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ควรปล่อยให้เรื่องราวเกิดขึ้นแล้วผ่านเลยไป การออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่า ขณะนี้ประเทศชาติถึงเวลาที่จะต้องสมานฉันท์ และไม่ขอพูดขยายความในเรื่องดังกล่าวนั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะกรณีเช่นนี้ ยิ่งไม่มีการพูด ไม่มีการชี้แจง ไม่มีการหาข้อสรุป ยิ่งจะทำให้เกิดผลเสียแก่ส่วนรวมมากกว่า

กรณีการพูดในเรื่องนี้จึงเป็นการพูดเพื่อให้ความสับสนยุติลง ไม่ใช่พูดแล้วจะไม่เกิดความสมานฉันท์ ขณะเดียวกัน ข้อกล่าวหาที่นายกรัฐมนตรีพูดถึงนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง และถือเป็นเรื่องใหญ่ต่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดังนั้น หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง จึงต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้แจ่มแจ้งเช่นกัน

ซึ่งผลจากการดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่ามีผู้กระทำความผิดตามคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เจ้าหน้าที่รัฐก็จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย และยังเป็นการยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีพูดในสิ่งที่เป็นจริงไม่เลอะเทอะเลื่อนลอย และยังเป็นการยืนยันให้กับตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองว่า มีความแหลมคมด้านการข่าว สามารถพิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตยได้อย่างที่ลั่นวาจาไว้ แต่หากผลการตรวจสอบไม่พบอะไรเลย ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดไว้ ถ้าเป็นเช่นนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็คงจะแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้ทำเอาไว้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยต่อไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์