4 วัน อันตราย! พันธมิตรบอบช้ำหนัก! ถูกตร.ไล่ทุบเจ็บระนาวเป็นเหตุให้ศาลงดบังคับคดีขับไล่ออกจากทำเนียบ

พันธมิตรชุมนุมขับไล่ รบ.วันที่ 4 วุ่นวาย ถูกตร.ทุบม็อบ! พร้อมประกาศสงครามครั้งสุดท้าย ขู่จับตร.ล้อมโรงพัก-กทม.ลุกเป็นไฟ ร้องหาสีกากีใช้ปืนจ่อหัวผู้ชุมนุม จนท.บุกเข้าทำเนียบ 2 รอบมีปะทะบาดเจ็บระนาว ศาลสั่งงดบังคับคดีขับไล่-ไม่ถอนหมายจับ

การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวันที่ 4 เกิดความชุลมุนวุ่นวายตั้งแต่เช้าตรู่หลังจากค้นพบอาวุธในทำเนียบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกยึดพื้นที่สะพานมัฆวานรังสรรค์แต่ถูกพันธมิตรตีกลับคืนได้ จนทำให้เกิดการปะทะกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้ม็อบยกพล ปิดล้อม บช.น.เพื่อล่าตัวตร.ใช้ปื้นจ่อหัวผู้ชุมนุม
 
"สนธิ" ขึ้นป้ายประกาศสงครามครั้งสุดท้าย
 
บรรยากาศบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม มีการประกาศรับบริจาคหมวกกันน็อค และโทรโข่งเพิ่มเติมจากทางบ้าน และนำตัวช่างภาพเอเอสทีวีที่ได้รับบาดเจ็บ ศีรษะแตก จากการปะทะกันที่สะพานมัฆวานฯ มาเล่าเหตุการณ์ และยังมีการประกาศขออาสาสมัครชายฉกรรจ์ เดินทางไปรับกลุ่มชุมนุมที่เดินทางมาสมทบเป็นกลุ่มๆ ตามประตูต่างๆ เป็นระยะ ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายนายศรัณยู วงษ์กระจ่าง น.ส.ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ดาราขวัญใจพันธมิตร  ขึ้นเวทีร้องเพลงขับกล่อม เพื่อคลายเครียดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม
 
ทั้งนี้ พันธมิตรเปลี่ยนฉากหลังเวทีที่ตั้งขึ้นอีกครั้ง โดยเขียนข้อความสีดำตัวใหญ่ว่า "สงครามครั้งสุดท้าย" ต่อมาเวลา 16.00 น. นายสนธินำแกนนำขึ้นประกาศบนเวทีว่า เรียกร้องให้ตำรวจที่ออกคำสั่งให้เข้าจัดการกับพันธมิตรมาให้ และจัดการตำรวจที่ตีประชาชนทันที รวมทั้งตำรวจที่เอาปืนจ่อหัวประชาชนโดยขอความชัดเจนก่อนเวลา 19.00 น. ไม่เช่นนั้นต้องมีเรื่องกันแน่ และประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่นอกทำเนียบ โดยเฉพาะส่วนที่อยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยนายศิริชัย ไม้งาม จะเป็นคนนำเดิน ไปปิดล้อมสนามม้านางเลิ้ง เพื่อกดดันตำรวจที่ประจำการอยู่ให้ออกไป จากนั้นจะจัดกำลังไปกดดันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อถามความชัดเจนในเรื่องที่เกิดขึ้น 
 
รอบนอกกว่า 2 พันคนเฮโลเข้าทำเนียบ
 
นายสนธิ และ พล.ต.จำลอง สลับกันขึ้นประกาศบนเวที โดยนายสนธิกล่าวว่า "นี่เป็นสงครามครั้งสุดท้าย อีกไม่กี่ชั่วโมงทุกอย่างจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่เราช่วยกันสร้างอีกไม่กี่ชั่วโมงจะจบแล้ว แต่จะจบอย่างไรใจเราก็ชนะ" ขณะที่ พล.ต.จำลอง ขอร้องให้อยู่ในความสงบ ในท่ามกลางความโกลาหล ภายหลังตำรวจ สลายกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานฯและฝ่าด่านกั้นของพันธมิตรเข้ามาทางประตู 5 ด้านตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการเข้ามาตรึงกำลังภายในทำเนียบได้ บรรดาแกนนำต่างสลับขึ้นกล่าวปลุกให้ยืนหยัดสู้ต่อไป และขอให้ผู้ชายลุกขึ้นไปช่วยกันป้องกันในจุดที่ตำรวจยกมาประชิดประตูทางเข้า 5 และ 7 
 
ขู่จับตร.ล้อมโรงพัก-กทม.ลุกเป็นไฟ
 
"ถ้าตำรวจทำร้ายประชาชนอีกครั้งในครั้งนี้ สถานีตำรวจทุกแห่งจะลุกเป็นไฟ วันนี้เราจะจับตำรวจบ้าง ผบช.น.ต้องจัดการตำรวจที่ทำร้ายประชาชน ถ้ายังไม่ได้รับคำตอบ คืนนี้เราจะล้อมโรงพักด้วย กรุงเทพฯจะลุกเป็นไฟ และไม่รับประกันว่าคืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ" นายสนธิกล่าว ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกลุ่มชุมนุมที่เริ่มทยอยไปตามคำสั่ง กระทั่งเวลา 16.15 น. มีการแจ้งบนเวทีว่า ทาง สตช.ได้สั่งถอนกำลังตำรวจออกจากพื้นที่ทำเนียบแล้ว
จากนั้นเวลา 17.15 น. กลุ่มพันธมิตรเคลื่อนตัวมาปิดถนนศรีอยุธยา และปิดล้อม บช.น. เรียกร้องให้รับผิดชอบ และเอาผิดตำรวจที่เข้าสลายการชุมนุม ท่ามกลางการตรึงกำลังรักษาพื้นที่ บช.น.ของตำรวจอย่างเข้มแข็ง
 
จากนั้นเวลา 13.30 น. นางอัญชลี ไพรีรักษ์ และนายสำราญ รอดเพชร กล่าวบนเวทีสั่งการให้กลุ่มพันธมิตรฯทั่วประเทศ เดินทางไปยังสนามบินของทุกจังหวัดที่มี โดยเฉพาะที่จ.ภูเก็ต จ.สงขลา ฯลฯ รวมถึงศาลากลางของแต่ละจังหวัด และให้พันธมิตรฯที่ถูกตำรวจตีแตกที่สะพานมัฆวานฯ ไปรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และจุดต่างๆที่ใกล้เคียงทำเนียบ เพื่อล้อมแนวตำรวจเข้ามาจากชั้นนอก
 
พันธมิตรแห่ปิดสนามม้านางเลิ้ง ขวางตร.พักเหนื่อย
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. นายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางจากทำเนียบรัฐบาลถึงสนามม้านางเลิ้งแล้ว เพื่อหวังปิดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับเข้าพักผ่อน รวมทั้งสกัดกั้นการลำเอียงอาหารให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
 
ตำรวจขอย้ายอาวุธออกจากทำเนียบ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องที่กลุ่มพันธมิตรอ้างว่าพบอาวุธสงครามที่ตั้งอยู่ชั้น 2 ของอาคารนั้นเป็นห้องกองรักษาความปลอดภัยตำรวจทำเนียบ เป็นสถานที่ทำงานของตำรวจรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล และตำรวจสันติบาล ระหว่างเรือตรีแซมดินนำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบ พบว่า ห้องจำนวนมากถูกงัด ถูกรื้อค้นเอกสาร และถูกทุบกระจกรวมถึงห้องที่เก็บของ ที่ลังระบุข้อความว่า "ชุดป้องกันสะเก็ด" "โล่ใส" และ "สนับเข่าและหน้าแข้ง" ซึ่งเป็นห้องที่ใช้เก็บชุดป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทุบกระจกเสียหายด้วย และพบกล่องโฟมบรรจุอาหารตกเกลื่อนกลาดบนพื้นห้องด้วย
กระทั่งเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.พิชิตชัย ศรียานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล 3 ประสานมายัง เรือตรีแซมดิน และกล่าวว่า จะนำอาวุธปืนที่พบไปเก็บไว้ในส่วนราชการซึ่งอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่เก็บรักษาการณ์ตามปกติของทำเนียบรัฐบาลแต่ไม่ได้นำมาใช้ เพราะหากเก็บไว้ที่ทำเนียบจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำอาวุธปืนดังกล่าวไปใช้ โดยกลุ่มพันธมิตรอำนวยความสะดวกและให้ความร่วมมือตำรวจในการขนอาวุธออกจากทำเนียบเป็นอย่างดี 
 
ศาลสั่งงดบังคับคดีขับไล่-ไม่ถอนหมายจับ
 
ทั้งนี้การเข้าสลายการชุมนุมดังกล่าว ทำให้ทนายความกลุ่มพันธมิตร ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีโดยฉุกเฉินอย่างยิ่งต่อศาลแพ่ง โดยเหตุผล โจทก์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปบังคับคดีโดยรื้อถอนเวทีที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 เบญจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อาศัยหมายบังคับคดีของศาลเข้าทุบตีร่างกายประชาชน ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ส่งศาลอุทธรณ์พิจารณา เห็นว่าหากยังคงให้มีการบังคับคดีต่อไปจะเกิดความเสียหาย จึงเห็นควรให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 292 (2) จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งหรือคำพิพากษา แจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ เบื้องต้นให้แจ้งคำสั่งทางโทรสารก่อน และให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์โดยเร็ว สำหรับเรื่องที่ทนายพันธมิตรร้องศาลอาญาขอให้เพิกถอนการออกหมายจับ 5 แกนนำพันธมิตรและพวกรวม 9 คนนั้น ศาลอ่านคำสั่ง ไม่มีเหตุให้เพิกถอนหมายจับ โดยระบุมีเจตนาไม่ยินยอมให้รัฐบริหารประเทศชาติ และเข้าทำงานในสถานที่ราชการ มีการประกาศมาตรการเพื่อให้ประชาชนไม่เสียภาษี ไม่ชำระหนี้ค่าไฟฟ้า ค่าประปา บุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และเข้าไปปิดสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีทีของรัฐ เพื่อไม่ให้ออกอากาศ และไม่ปรากฏว่าขนาดนี้ผู้ต้องหากับพวกออกไปจากทำเนียบแล้ว อันเป็นการเจือสมกับคำร้องขอออกหมายจับของพนักงานสอบสวนผู้ร้อง
 
"สมเกียรติ"สั่งม็อบให้เก็บ"อุจจาระ"มาสู้กับ ตร.
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง เมื่อนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นกล่าวบนเวทีให้กลุ่มชุมนุมมองไปยังตึกสันติไมตรี ซึ่งพบว่ามีกลุ่มควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และขอให้ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้กลุ่มชุมนุมแตกฮือเข้าไปมุงดูจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม พบว่าเป็นเพียงไฟที่ลุกไหม้เครื่องปั่นไฟที่ทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมงเท่านั้น เหตุการณ์จึงสงบลง ทั้งนี้นายสมศักดิ์ยังได้ประกาศให้เครือข่ายสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจหยุดงานทั่วประเทศ และเดินทางตามมาสมทบที่ทำเนียบ นอกจากนี้นายสมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ ยังบอกให้กลุ่มขชุมนุมเตรียมเก็บอุจจาระไว้สู้กับตำรวจอีกด้วย
 
จากนั้นเวลา 13.30 น. นางอัญชลี ไพรีรักษ์ และนายสำราญ รอดเพชร กล่าวบนเวทีสั่งการให้กลุ่มพันธมิตรฯทั่วประเทศ เดินทางไปยังสนามบินของทุกจังหวัดที่มี โดยเฉพาะที่จ.ภูเก็ต จ.สงขลา ฯลฯ รวมถึงศาลากลางของแต่ละจังหวัด และให้พันธมิตรฯที่ถูกตำรวจตีแตกที่สะพานมัฆวานฯ ไปรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และจุดต่างๆที่ใกล้เคียงทำเนียบ เพื่อล้อมแนวตำรวจเข้ามาจากชั้นนอก
 
เจอสลายเฮโลเข้าทำเนียบ2พันคน
 
เวลา 10.00 น. ตำรวจนำคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลแพ่งที่ให้พันธมิตรถอนการชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาลไปติดที่ประตูทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลทุกด้านรวม 5 จุด ขณะเดียวกันมีกำลังตำรวจชุดปราบจลาจลประมาณ 7,000 นาย จากหลายหน่วย อาทิ นครบาล ภูธร ตชด. คอมมานโด หลายกองร้อย สวมหมวกกันน็อค พร้อมอาวุธครบมือ ประกอบด้วย กระบอง โล่ และแก๊สน้ำตา ทยอยเคลื่อนกำลังเข้าประชิดตรึงกำลังรอบทำเนียบรัฐบาล พร้อมนำคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีไปติดยังสถานที่ต่างๆ ทำให้เกิดการปะทะกับพันธมิตรขึ้นหลายจุด มีผู้บาดเจ็บกว่า 10 ราย
การเข้าตรึงกำลังของตำรวจ ทำให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรที่วันนี้เปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อม่อฮ่อมอีกครั้ง ยกเลิกการแถลงข่าวในเวลา 10.00 น. เพื่อเดินไปตรวจสถานการณ์รอบด้านข้างทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเดินไปหารือกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร พร้อมวางแผนรับมือด้วยการให้แกนนำพันธมิตรมารวมกลุ่มกันอยู่ในเต๊นท์ที่ตั้งอยู่กลางสนามหญ้าในทำเนียบ และให้ผู้หญิงมานั่งรวมกลุ่มล้อมแกนนำไว้ ป้องกันการเข้ามาจับกุมตัว ขณะเดียวกันให้ผู้ชายไปปิดล้อมบริเวณรอยต่อที่จะเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล ระหว่างนั้น พล.ต.จำลองขึ้นประกาศบนเวที ให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ภายนอกเข้ามารวมตัวกันภายในทำเนียบ ในทันทีที่ได้ทราบข่าวตำรวจเริ่มสลายผู้ชุมนุมที่ตั้งป้อมป้องกันตำรวจอยู่รอบทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้ชุมนุม
 
ตร.-ปะทะพันธมิตรหลายระลอก
 
สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองส่งสัญญาณอาจเกิดความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เนื่องจากมีการปะทะกันหลายระลอก ระหว่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม หลังจากพันธมิตรบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ใช้เป็นศูนย์กลางการต่อสู้เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกมาตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม แม้ว่า ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาลก่อนหน้านี้ โดยเพิ่งมีคำสั่งงดบังคับคดีไว้ก่อนในวันเดียวกันนี้ เนื่องจากสถานการณ์ส่อเค้าบานปลาย และศาลอาญาออกหมายจับ 5 แกนนำพันธมิตร และพวกรวม 9 คนแล้วก็ตาม 
ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 28 สิงหาคม ต่อเนื่องถึงรุ่งเช้าวันที่ 30 สิงหาคม พันธมิตรได้รุกไล่ ผลักดันตำรวจที่รักษาการณ์อยู่บริเวณหน้าอาคารปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในทำเนียบรัฐบาลประมาณ 1,200 นาย ออกจาก
ทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ 
 
ขณะเดียวกันได้รื้อถอนเวทีจากเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ นำมาก่อสร้างเวทีถาวรหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ภายในทำเนียบ โดยแกนนำผลัดกันขึ้นปราศรัยปลุกให้ระมัดระวังอาจมีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมเป็นระยะ จากนั้นนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร แถลงอ้างว่า ตรวจพบอาวุธจำนวนมาก หลังจากเข้าเคลียร์พื้นที่ตามอาคารต่างๆ ในทำเนียบจนถึงเวลา 04.00 น. และผลักดันตำรวจอีกกลุ่มหนึ่ง จำนวน 38 นาย สวมเสื้อเหลืองคล้ายพันธมิตรอยู่บนชั้น 2 ของอาคารรับเรื่องราวร้องทุกข์ ประกอบด้วย ปืนเอ็ม 16 จำนวน 17 กระบอก กระสุน 3 ลัง ลังละ 2,000 นัด ปืน HK 13 กระบอก กระสุน 440 นัด กระสุนปืน .38 จำนวน 2 กล่องใหญ่ จำนวน 2,350 นัด ไฟฉาย 13 กระบอก ต่อมาเรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม จึงนำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบอาวุธ และได้เข้าแจ้งความต่อ สน.ดุสิต เมื่อเวลา 04.30 น. โดยมี พ.ต.ท.เอกพล ทวิชวงศ์ชัยกุล เป็นผู้ลงบันทึกประจำวัน แต่ตำรวจก็ยังไม่ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุแต่อย่างใด 
 
ตร.เผยสั่งถอนกำลังจากทำเนียบแล้ว
 
พล.ต.ต. สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงหลังการปะทะกันโดยรอบทำเนียบหลายระลอกว่า ตำรวจถอนกำลังออกมาจากทำเนียบหมดแล้ว ใครจะเข้าไปก็ไม่มีต้องตรวจสอบหรือปิดกั้น นอกจากนี้กลุ่มพันธมิตรยังสามารถฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล และสมทบกับพวกที่เหลือได้อีกครั้ง โดยทำให้เกิดการปะทะกันเล็กน้อย และตำรวจจำต้องล่าถอย โดยบางส่วนมารวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และได้ทยอยเดินทางมาที่หน้า บช.น. โดยกำลังตำรวจได้ตั้งแถวป้องกันประตูด้านหน้าและด้านหลังแล้ว
 
ทั้งนี้ก่อนตำรวจถอนกำลังออกไปนั้น เหตุการณ์ตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเวลา 15.30 น. แกนนำพันธมิตร สั่งให้กลุ่มชุมนุมบริเวณตึกไทยคู่ฟ้า เดินไปตรึงกำลังบริเวณประตู 7 เพื่อกดดันให้ตำรวจล่าถอยออกพ้นพื้นที่ทำเนียบ โดยมีกลุ่มชุมนุมเดินไปสมทบจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มพันธมิตรที่สามารถยึดพื้นที่สะพานมัฆวานฯคืนมาได้ ก็ล้อมประตู 5 ไว้ ทำให้กำลังตำรวจที่รุกคืบเข้ามาทางประตู 5 ก่อนหน้านี้ถูกล้อมไว้ทั้งสองด้าน

โดยภายหลังที่กลุ่มพันธมิตรสามารถบุกยึดสะพานมัฆวานฯคืนจากตำรวจและผลักดันพ้นสะพานมัฆวานฯได้ แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 12 กองร้อย ประกอบไปด้วย ตชด. 8 กองร้อย และนครบาล 4 กองร้อย พร้อมอาวุธปราบจลาจลครบมือ อยู่ในทำเนียบรัฐบาลหลังตึกแดงบริเวณประตู 5 ทำให้นายสนธิประกาศบนเวทีให้กลุ่มพันธมิตรยกกำลังไปผลักดันให้ตำรวจออกจากทำเนียบรัฐบาล จากนั้น 2 ฝ่ายต่อรองกันอยู่ประมาณ 20 นาที ก่อนตำรวจตัดสินใจถอนกำลังจากทำเนียบรัฐบาลไป
 
เผยปืนที่พบใช้ดูแลทำเนียบ
 
สำหรับปืนที่พบในทำเนียบนั้น พ.ต.ต.ทรงชัย เทพสาร หัวหน้าตำรวจสันติบาล ประจำทำเนียบรัฐบาล เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งอาวุธปืนที่เก็บอยู่ในคลัง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ที่เข้าแจ้งความเพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ปืนที่อยู่ในคลังจำนวนดังกล่าว แต่ที่พันธมิตรแจ้งจำนวนปืนนั้นยังขาดปืนสั้น ขนาด .38 อีก 150 กระบอก เชื่อว่าพันธมิตรน่าจะยังไม่พบปืนดังกล่าว จึงไม่ได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวน แต่ จะยังไม่นำกำลังตำรวจสันติบาล เข้าตรวจสอบ เพราะเกรงเรื่องความปลอดภัย และเกรงว่าจะกระทบกระทั่งกับกลุ่มพันธมิตร
"ปืนที่พบเป็นปืนที่ใช้ปฏิบัติงานดูแลทำเนียบอยู่แล้ว แต่เมื่อกลุ่มพันธมิตรเข้ายึดทำเนียบเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ผมจึงสั่งให้ทั้งหมดปลดอาวุธและนำมาเก็บที่อาคารดังกล่าว และให้ตำรวจทั้งหมดสวมเสื้อเหลืองเพื่อดูกลมกลืน แต่ที่พันธมิตรเข้าไปพบนั้นเชื่อว่าขณะที่ถูกผลักดันออกมา ตำรวจที่ดูแลอยู่น่าจะลืมล็อคประตู" พ.ต.ต.ทรงชัยกล่าว  


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์