แม่แจง ชาวเน็ตแชร์ภาพน้องออมสินถูกน้ำร้อนลวก ข้อมูลคลาดเคลื่อน

แม่แจง ชาวเน็ตแชร์ภาพน้องออมสินถูกน้ำร้อนลวก ข้อมูลคลาดเคลื่อน


แม่น้องออมสิน แจง ชาวเน็ตแชร์ภาพถ่ายน้องออมสินถูกน้ำร้อนลวก ข้อมูลคลาดเคลื่อน ย้ำ ไม่ได้เสียเงินรักษาวันละ 2 หมื่นตามที่แชร์กัน รับเครียดมากถูกครหาว่าหลอกลวง

            เมื่อวันที่ 21 มีนาคม รายการเรื่องเล่าเช้านี้นำเสนอข่าว "น้องออมสิน" หนูน้อยอายุ 10 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกพูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ เพราะได้มีคนช่วยกันแชร์เรื่องของน้องออมสินที่ถูกน้ำร้อนลวกจนได้รับบาดเจ็บ และต้องเสียค่ารักษาพยาบาลวันละ 20,000 บาท ไปทั่วโลกไซเบอร์ ทำให้ผู้ใจบุญหลายคนสนใจจะร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้น้อง แต่ก็มีอีกหลายคนตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของหมายเลขบัญชีที่ไม่ตรงกับชื่อของแม่น้องออมสิน และยังมีบัญชีบริจาคมากกว่า 1 บัญชี ทำให้ชาวเน็ตเกิดความกังขาว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่

            ทั้งนี้ ทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้ไปสอบถาม ปทิดา แซ่เอี๊ยบ หรือแม่ของน้องออมสิน ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยคุณแม่เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่เธอกำลังอุ้มน้องออมสินอายุ 10 เดือนอยู่ จู่ ๆ น้องก็เอามือไปกระชากสายไฟ ทำให้กาน้ำร้อนหกรดลงมาบนตัวน้อง เธอจึงรีบนำน้องส่งโรงพยาบาล และเปลี่ยนโรงพยาบาลหลายแห่งเพราะโรงพยาบาลไม่มีแพทย์เฉพาะทาง กระทั่งนึกขึ้นได้ว่ามีสิทธิ์บัตรทองอยู่ที่วชิรพยาบาล เธอจึงนำน้องไปรักษา

           
คุณแม่น้องออมสิน เล่าต่อว่า เมื่อคุณหมอดูแล้วก็บอกว่าอาการค่อนข้างหนัก เสี่ยงจะติดเชื้อ จึงต้องให้พักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู และให้ยาสลบกับน้องตลอดเวลา เพราะหากตื่นกลัวว่าจะทนความเจ็บปวดไม่ไหว ตอนนี้น้องต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา และต้องเฝ้าระวังอาการวันต่อวัน เปลือกตาบวมหนัก คุณหมอไม่สามารถตรวจดวงตาได้เลย

            อย่างไรก็ตาม คุณแม่ชี้แจงว่า สิ่งที่ส่งต่อกันในโลกไซเบอร์นั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะเรื่องค่ารักษาพยาบาลวันละ 20,000 บาท ไม่เป็นความจริงเลย โดยที่บอกค่ารักษาพยาบาล 20,000 บาทนั้น คือการรักษาตัวในช่วงแรก ๆ ตั้งแต่ที่มาถึงโรงพยาบาลจนมาถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นค่ายานอกบัญชี และค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งทางครอบครัวสามารถจ่ายได้ แต่สิ่งที่พูดกับคนใกล้ชิดคือ กังวลว่าในระยะยาวจะต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ถึงจะรักษาน้องให้หายกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงได้โพสต์รูปน้องลงไปในเฟซบุ๊ก เพื่อให้คนที่รู้จักได้ทราบ จะได้ให้คำแนะนำหรือให้ความช่วยเหลือ

           
คุณแม่เล่าต่อว่า จากนั้น นางกัญญารัตน์ แซ่เตียว คุณป้าของน้อง ก็ได้นำรูปของน้องออมสินไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก เพื่อให้เพื่อน ๆ ศิษย์เก่าโรงเรียนสายน้ำผึ้ง และเพื่อนร่วมงานช่วยกันส่งต่อความช่วยเหลือ ปรากฏว่าหลังจากนั้น เรื่องของน้องก็ยิ่งถูกแชร์กันต่อไปเรื่อย ๆ ยิ่งบอกต่อกันไปก็เลยเกิดความคลาดเคลื่อนมากขึ้น กระทั่งเป็นข่าวมีนักข่าวแห่กันมาสัมภาษณ์ที่วชิรพยาบาลที่น้องรักษาตัวอยู่ ซึ่งทำให้ตนไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อการรักษา และการทำงานของโรงพยาบาลที่น้องออมสินรักษาอยู่

            นอกจากนี้ สิ่งที่คุณแม่เครียดมากก็คือ ถูกหลายคนครหาว่ามาหลอกลวง ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะเรื่องบัญชีบริจาคที่มีหลายบัญชีทำให้เกิดความสับสน จึงขอชี้แจงว่า บัญชีธนาคารกรุงเทพที่ใช้ชื่อ กัญญรัตน์ แซ่เตียว นั้น เป็นของคุณป้าน้องออมสิน แต่ภายหลังมีการส่งต่อเข้ามามาก คุณป้าจึงแนะนำให้เปลี่ยนเป็นโอนเงินเข้าบัญชีชื่อของคุณแม่โดยตรงแทนน่าจะดีกว่า ตนจึงไปโพสต์ในเฟซบุ๊กว่าใครที่จะร่วมบริจาคให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อ ปทิดา แซ่เอี๊ยบ แทน

           
อย่างไรก็ตาม แม้จะเปลี่ยนบัญชีก็ยังเกิดปัญหาขึ้น เพราะชื่อคนในบัญชีเป็นชื่อ "ดารารัตน์" ไม่ตรงกับชื่อของตน จึงขอชี้แจงว่า "ดารารัตน์" เป็นชื่อเก่า ตนเพิ่งจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น "ปทิตา" เมื่อปีที่แล้ว ทำให้คนที่ไปโอนเงินเกิดความสงสัย แต่จริง ๆ เป็นคน ๆ เดียวกัน เรื่องดังกล่าวทำให้ครอบครัวเครียดมาก ไม่คิดว่าจะได้รับความสนใจขนาดนี้ อยากจะขอบคุณคนใจบุญทุกคนที่ช่วยเหลือน้อง ขอให้ทุกคนได้รับสิ่งดี ๆ กลับไป และขอโทษที่ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ทั้งนี้ คุณป้าของน้องก็ยินดีให้ตรวจสอบเงินในบัญชีเพื่อความสบายใจ และจะอัพเดทข้อมูลของน้องตลอดผ่านทางเฟซบุ๊ก

            ขณะที่ทางโรงพยาบาลระบุว่า น้องออมสินถูกน้ำร้อนลวกที่ใบหน้าและลำตัว ถือว่าอยู่ในระดับที่รุนแรง ต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ทั้งนี้ ทางครอบครัวใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรคในการรักษาน้อง ซึ่งไม่ครอบคลุมค่ายาปฏิชีวนะ กับการรักษาโรคในเริ่มต้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในช่วงแรก ๆ เกือบหนึ่งหมื่นบาทต่อวัน แต่ตอนนี้ค่าใช้จ่ายลดลงแล้ว และทางแพทย์เตรียมแถลงข่าวอีกครั้ง เพราะมีคนโทรศัพท์ไปสอบถามที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์