เคโงะพาเพื่อนเข้ากรุง-ขอนั่งรถไฟฟ้า


นัดคุยวันนี้ ลั่นคำแรก "หนูรักพ่อ"

หนูน้อยลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น"เคอิโงะ"ฝันเป็นจริงแล้ว ได้โทรศัพท์คุยกับพ่อวันนี้ ตื่นเต้นตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 อาบน้ำจัดเสื้อผ้าแต่งตัวรอเวลา ไม่ลืมนำตุ๊กตาแมวแต่งชุดทหารมาฝากให้พ่อด้วย พร้อมขึ้นรถตู้เข้ากรุงพร้อมป้า ครู และเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนอีก 3 คน เปิดใจคำแรกที่จะบอกบิดาคือ"หนูรักพ่อ" ส่วนสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นอีกรายที่ประกาศหาพ่อ เข้าให้ข้อมูลที่สถานกงสุลญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่แล้ว ด้านเจ้าหน้าที่รับปากประสานงานตามหา พร้อมแจ้งความคืบหน้าทันทีถ้าหากพบตัว

หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ได้ติดต่อผ่านนายสมชัย หทยตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นัดให้ด.ช.เคอิโงะ ซาโต อายุ 9 ขวบ ได้พูดคุยกับนายคัตซูมิ ซาโต พ่อบังเกิดเกล้าชาวญี่ปุ่น โดยให้นำตัว ด.ช. เคอิโงะและนางปัทมา จตุพิศ ป้าที่เลี้ยงดู เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยกัน เพื่อจัดให้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายคัตซูมิ ที่สถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ในวันที่ 22 พ.ค.นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค. ด.ช.เคอิโงะตื่นนอนตั้งแต่ 05.30 น. เพื่อจัดเตรียมเสื้อผ้า 4-5 ชุด โดยไม่ลืมที่จะเอาตุ๊กตาแมวใส่ชุดทหารใส่ในกระเป๋าเดินทางไปด้วย เตรียมไว้เป็นของขวัญให้นายคัตซูมิ จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัว ใส่ชุดใหม่ที่นางปัทมาซื้อให้ในราคาชุดละ 199 บาท พร้อมกับบ่นไปด้วยว่าป้าซื้อเสื้อผ้าให้แพงเกินไป เนื่องจากเงินหายาก นอกจากนี้ ด.ช.เคอิโงะยังได้นำกระป๋องน้ำอัดลม ขวด เศษสิ่งของเหลือใช้ ที่เก็บมาจากกองขยะ นำไปขายให้คนรับซื้อของเก่า ได้เงินมา 60 บาท เตรียมนำไปซื้อขนมกินระหว่างเดินทาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ช.เคอิโงะยังได้รับกล่องพัสดุจากนายวุฒิโรจน์ วัฒนสิงห์ กงสุลไทยประจำประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น พร้อมกับเครื่องใช้ต่างๆ จำนวนหนึ่ง และข้อความในจดหมาย สอนด.ช.เคอิโงะว่าการที่จะไปญี่ปุ่นทำตัวอย่างไร ไหว้อย่างไร ซึ่งทำให้ด.ช.เคอิโงะปลาบปลื้มอย่างมาก

ด.ช.เคอิโงะเปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่จะได้โทรศัพท์คุยกับพ่อ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เห็นหน้าก็ตาม แต่ก็ภูมิใจมากที่มีโอกาสพูดคุยกับพ่อ รู้สึกตื่นเต้นมาก นอนไม่ค่อยหลับ พอตื่นตอนเช้าก็รีบแต่งตัว เตรียมเดินทาง เตรียมตัวคุยโทรศัพท์กับพ่อ "ผมเตรียมของขวัญไว้ให้พ่อชาวญี่ปุ่นแล้วคือ ตุ๊กตาแมวใส่ชุดทหารที่จะมอบให้พ่อ อีกทั้งอยากจะบอกกับพ่อว่าถึงการที่พูดโทรศัพท์คุยกันผมก็ยังไม่ดีใจเท่าที่จะได้เห็นหน้าและตัวจริงของพ่อ ในชีวิตนี้ตนไม่ต้องการอะไร สิ่งเดียวที่ต้องการคืออยากเห็นหน้าพ่อสักครั้ง เพราะขณะนี้ผมจำหน้าพ่อไม่ได้แล้ว" และว่า หลังกลับมาจากโทรศัพท์คุยกับพ่อแล้วจะกลับมาแก้บนหลวงพ่อเพชร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพิจิตร ที่เคยอธิษฐานไว้ว่าหากได้เจอพ่อหรือติดต่อพ่อชาวญี่ปุ่นได้จะวิ่งรอบพระอุโบสถ 50 รอบ

ด.ช.เคอิโงะยังกล่าวด้วยว่า ตนทราบข่าวว่ามีลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น คือน.ส.นารูมิ ฮามาดะ ซึ่งตามหาพ่อชาวญี่ปุ่นเช่นกัน ก็รู้สึกสงสารพี่เขามาก ที่มีชีวิตคล้ายกัน อยากจะบอกพี่นารูมิว่าขอให้อดทน และขออวยพรให้พี่ตามหาพ่อจนเจอ เหมือนตนขณะนี้ ที่มีโอกาสที่จะได้พูดโทรศัพท์กับพ่อ แต่ยังไม่ได้เห็นหน้า อยากให้พี่โชคดีเหมือนตนที่เจอพ่อแล้ว

ด้านนางปัทมา จตุพิศ ป้าของด.ช.เคอิโงะ เปิดเผยว่า หลานชายตื่นตั้งแต่ตีห้า ลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้า อาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้า ทั้งที่ผู้ว่าฯ พิจิตรจัดรถให้มารับช่วงบ่าย หลานชายตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้พูดโทรศัพท์กับพ่อ อาบน้ำไปพูดไปว่าจะได้คุยโทรศัพท์กับพ่อแล้ว มีความสุขที่สุด

เมื่อเวลา 13.00 น. นายสมชัย หทยตันติ ผู้ว่าฯ พิจิตร ได้ส่งรถตู้ของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มีนายตราชู กาญจนสถิต ผอ.ฝ่ายสื่อสารการตลาด มารับด.ช.เคอิโงะ นางปัทมา และนายชัยชนะ ศรีอุชา ครูโรงเรียนอนุบาลวชิรบารมี ล่ามที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นให้ด.ช.เคอิโงะ สื่อสารกับนายคัตซูมิ นางพัชรี แทนปั้น ครูโรงเรียนอนุบาลเมืองท่าหลวงสงเคราะห์ ซึ่งเป็นครูประจำชั้น น.ส.จินดา ศรีหิรัญ ครูโรงเรียนอนุบาลเมืองท่าหลวงสง เคราะห์ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ด.ช.เคอิโงะได้ชวนเพื่อนสนิทที่อยู่ชั้น ป.4 ห้องเดียวกันไปด้วย 3 คน คือ ด.ช.อเนก พรมเมือง ด.ช.นัฐพล เอี่ยมอุไร และด.ช.ปัญญา จตุพิศ เพื่อให้เพื่อนได้เป็นพยานว่าได้พูดคุยกับพ่อทางโทรศัพท์จริง นอกจากนี้ ยังมีบรรดาเพื่อนๆ ของด.ช.เคอิโงะมาส่งขึ้นรถพร้อมกับโบกมือให้และอวยพรขอให้โชคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากด.ช.เคอิโงะพูดคุยโทรศัพท์กับพ่อชาวญี่ปุ่นแล้ว จะเดินทางไปเที่ยวสวนสนุกดรีมเวิลด์ ทั้งนี้ จะพักที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 2 วัน วันที่ 21 พ.ค.จะเข้าพักที่โรงแรมเรดิสัน ถนนพระราม 9 วันที่ 22-23 พ.ค.จะเข้าพักที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ เชิงสะพานซังฮี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ช.เคอิโงะพร้อมด้วยป้าและเพื่อนๆ ได้เดินทางถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน จากนั้นเดินทางไปออกรายการทางสถานีทีเอ็นเอ็น 24 ในเวลา 20.05 น. ตลอดการให้สัมภาษณ์ในรายการดังกล่าว ด.ช.เคอิโงะกอดตุ๊กตาแมวแต่งชุดทหารที่เตรียมให้พ่อไว้แนบอกอยู่ตลอดเวลา พร้อมบอกว่าคำแรกที่จะพูดกับพ่อในวันพรุ่งนี้คือ "หนูรักพ่อ" แม้จะพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นไม่ได้แต่จะให้ล่ามแปลให้ พร้อมยืนยันว่าจะมอบตุ๊กตาแมวตัวที่เตรียมมานี้ให้พ่อไว้เป็นของที่ระลึก อยากให้พ่อกลับมาหา มาหาแป๊บเดียวก็ได้ จะไม่ถามอะไรพ่อ จะถามแค่ว่าพ่อทำงานอะไร ถ้าพ่อกลับมาหาไม่ได้ก็อยากให้พ่อซื้อโทรศัพท์ให้เป็นของขวัญ เพื่อจะได้โทรศัพท์คุยกับพ่อทุกวัน โดยให้ล่ามพูดแปลให้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า.ช.เคอิโงะมีอาการตื่นเต้นเล็กน้อย แต่คงยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา โดยยืนยันว่าไม่เคยคิดโกรธพ่อ เพราะพ่อคือผู้ให้กำเนิด หลังจากได้เจอพ่อแล้วจะกลับไปเดินขายอาหารปลาในวัดเหมือนเดิม โตขึ้นอยากเป็นหมอ จะรักษาทุกคนไม่ว่าเป็นอะไรก็จะรักษา มากรุงเทพฯ ครั้งนี้อยากไปเที่ยวดรีมเวิลด์ เที่ยวสวนสนุก ขึ้นรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน

สำหรับความคืบหน้ากรณีน.ส.นารูมิ ฮามาดะ สาวหูพิการ อายุ 18 ปี ชาวเชียงใหม่ รายล่าสุดที่ออกมาเปิดเผยตัวและตามหาพ่อญี่ปุ่นเช่นเดียวกับด.ช.เคอิโงะนั้น เมื่อเวลา 10.30 น. น.ส.นารูมิ หรือน้องยุ้ย พร้อมด้วยนางสังวาลย์ บำรุง อายุ 44 ปี มารดา ได้นำหลักฐานใบสูติบัตรพร้อมภาพถ่ายของนายเรียวอิจิ ฮามาดะ พ่อของน.ส.นารูมิ เดินทางไปยังสถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ อาคารบิสสิเนส พาร์ค เพื่อยื่นร้องขอให้นางจุนโกะ โยโคะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ ช่วยติดตามหาข่าวนายเรียวอิจิ หลังจากพลัดพรากจากกันนาน 15 ปีว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซึ่งนายมาซาอีดะ กาโตะ เจ้าหน้าที่กงสุล ได้รับเรื่อง และถามข้อมูลทั้งสองอย่างละเอียด ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

นางสังวาลย์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กงสุลญี่ปุ่นได้รับเรื่องไว้แล้วและรับปากกลับว่าจะช่วยประสานข้อมูลการติดตามหานายเรียวอิจิให้ว่ายังมีชีวิตหรือไม่ อย่างไร และหากมีชีวิตปัจจุบันอยู่ที่ไหน และจะแจ้งให้ตนทราบภายหลังหากสามารถติดต่อได้ เจ้าหน้าที่กงสุลยังได้บอกว่าชาวญี่ปุ่นบางคนหากพบว่าตนเป็นข่าวออกไปทั่วโลกก็จะอาย หลบหน้าไม่ยอมปรากฏตัวก็มี แต่ก็บอกว่าจะพยายามตรวจสอบให้ได้ จะใช้ความพยายามให้ถึงที่สุด และจะแจ้งให้ตนทราบภายหลังอีกครั้ง ซึ่งเราก็จะรอ แต่อย่างน้อยก็มีความหวัง ตนยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ร้องขออะไร นอกจากให้ลูกมีโอกาสได้รับทราบข่าวคราวพ่อว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่เท่านั้น เพราะช่วงที่นายเรียวอิจิเงียบหายขาดการส่งข่าวคราวไปนั้นที่ญี่ปุ่นมีเหตุการณ์ระเบิดและมีเรื่องแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้น จึงอยากรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

นางสังวาลย์เปิดเผยต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยมาขอพบกงสุลญี่ปุ่นประจำประเทศไทยที่เชียงใหม่ เมื่อตอนที่สามีหายไป ซึ่งก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับล่างเขาบอกกับตนในตอนนั้นว่า "เขาไม่ต้องการคุณแล้วคุณจะมาทำไม มาเรียกร้องอะไรกับเขาอีก" ตอนนั้นตนก็ได้ตอบเจ้าหน้าที่คนนั้นไปว่าเราไม่ได้ต้องการอะไร เราต้องการเพียงแต่ว่าพ่อของน้องเขามีชีวิตอยู่ไหม และน้องยุ้ยเขาอยากเจอพ่อเขาคิดถึงพ่อของเขา และตนก็ได้บอกอีกว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือตนเลยหรือ ทางเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ส่ายหัว ตนก็พาลูกกลับในตอนนั้นและรู้สึกเสียใจ แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เจ้าหน้าที่กงสุลญี่ปุ่นให้การต้อนรับและให้การช่วยเหลือและรับปากจะดำเนินการติดตามหาพ่อของน้องยุ้ยสุดความสามารถ "เราเพียงต้องการอยากทราบว่าพ่อของน้องยุ้ยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เท่านั้น ไม่ต้องการอะไรเลย ส่วนน้องยุ้ยนั้นก็อยากให้ทางพัฒนาสังคมฯ ช่วยดูแลเรื่องการศึกษาจนกว่าน้องเขาจะเรียนจบ"

ด้านน.ส.นารูมิ สาวน้อยลูกครึ่ง หูพิการ ที่ตามหาพ่อญี่ปุ่น กล่าวผ่านสื่อมวลชนเพื่อฝากผ่านไปยังผู้เป็นพ่อที่ประเทศญี่ปุ่นเพียงประโยคเดียวสั้นๆ ว่า "อยากเจอพ่อมาก คิดถึง"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่าย นางชญาดา กาวีวงศ์ นักพัฒนาสังคมชำนาญการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ และคณะ ร่วมเดินทางไปกับนางสังวาลย์และน้องยุ้ย เพื่อไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 1 ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียง ใหม่ และได้สอบถามประวัติของนางสังวาลย์และน้องยุ้ยอย่างละเอียด และแจ้งรายละเอียดในการช่วยเหลือ ซึ่งน้องยุ้ยก็ได้นำน้ำมาเสิร์ฟเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบที่บ้านอย่างเป็นกันเอง

นางชญาดากล่าวว่า หลังสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวน้องยุ้ย นายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯ จังหวัดเข้าไปติดตามตรวจสอบข้อมูลจากแม่และตัวเด็กที่บ้านทันที เบื้องต้นจะให้การดูแลให้คำปรึกษากับครอบครัวนี้ในทุกๆ ด้าน ทางไหนพอจะคลี่คลายแก้ไขได้ก็จะดำเนินการทันที และจะได้ส่งเจ้าหน้าที่มาประสานงานเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดต่อไป

นางชญาดากล่าวต่อว่า เบื้องต้นสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อ.สันทราย ได้เข้าไปช่วยเหลือมอบทุนการศึกษาเป็นจำนวนเงิน 1,500 บาทก่อน รวมทั้งให้การช่วยเหลือในระยะยาว จังหวัดอาจจะช่วยเหลือเกี่ยวกับความพิการทางหู เป็นการช่วยเหลือบุคคลพิการ เดือนละ 500 บาท รวมถึงเรื่องการช่วยเหลือติดตามหาพ่อของเด็ก จากการเดินทางไปที่บ้านของน้องยุ้ย และสอบถามประวัติอย่างละเอียด รวมทั้งได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ซึ่งก็พบว่าน้องเขาพิการทางหู เข้าข่ายบุคคลพิการซึ่งมีเงินช่วยเหลือจากภาครัฐอยู่แล้ว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตนั้นทางพัฒนาสังคมฯ จะได้เบิกเงินมาจ่ายให้เป็นงวดๆ ตามระเบียบของทางราชการในการช่วยเหลือ

"ครอบครัวของน้องยุ้ยแม่ของเขาดูแลลูกเป็นอย่างดี ฐานะทางบ้านก็ปานกลาง ไม่มีปัญหาอะไร ทางแม่น้องยุ้ยต้องการเพียงให้ดูแลเรื่องการศึกษาของน้อง สุดท้ายคงต้องรอว่าทางกงสุลจะติดต่อเรื่องพ่อของน้องยุ้ยว่ายังมีชีวิตหรือไม่อย่างไรต่อไป คงต้องรอทางกงสุลอีกครั้ง วันนี้น้องยุ้ยได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯ ที่มาสอบถามและเยี่ยมที่บ้านว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่น ทางเจ้าหน้าที่ได้พาไปกินอาหาร ญี่ปุ่นสมใจน้องยุ้ยแล้ว" นางชญาดากล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์