สธ.เต้นสกัดเอดส์ตัวใหม่ ป้องกันเชื้อแพร่หวั่นวัคซีนชะงัก

พบ! เอดส์พันธุ์ใหม่




สธ.เต้นผู้ป่วยเอดส์สายพันธุ์ใหม่ กรมควบคุมโรคประสานศิริราช จับตาหวั่นแพร่เชื้อจนเป็นเหตุให้การพัฒนาวัคซีนเอดส์ชะงัก อธิบดีชี้ เชื้ออาจกลายพันธุ์แล้ว ขณะที่ พม.เตือนแม่บ้านอีสานโทร 1300 ขอข้อมูลก่อนไปตกทอง เผยจับยากเหตุใช้นกต่อหลายคน เชื่อเป็นเอเย่นต์แก๊งเดียวกับญี่ปุ่น-เยอรมนี


ความคืบหน้าการพบผู้ป่วยเอดส์สายพันธุ์ใหม่เอ/อีกับซี ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมระหว่างเชื้อเอดส์ที่พบในไทยกับเชื้อที่พบมากในแอฟริกา ตามที่ "คม ชัด ลึก" ได้นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ประสาน รพ.ศิริราช เพื่อเฝ้าระวังร่วมกันอย่างเข้มข้น ป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปัญหาโรคเอดส์ในประเทศไทย รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นนโยบายระดับชาติ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ที่ต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง โดยในปี 2549 ได้ตั้งเป้าลดผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ไม่เกิน 1.6 หมื่นคน และจะเร่งรัดป้องกันเอดส์อย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งในช่วง 5 ปี นับจากนี้เป็นต้นไป



พบ! สายพันธุ์ผสมแล้ว




นายพินิจ กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย สธ.ได้เฝ้าระวังเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ต่างๆ ที่พบในประเทศ โดยให้กรมควบคุมโรคร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตั้งศูนย์รวบรวมและวิเคราะห์เชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย เก็บตัวอย่างเลือดผู้ติดเชื้อเอชไอวี 200 รายต่อปี มาตั้งแต่ปี 2543 และทำต่อเนื่องมาทุกปี ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อไวรัสลูกผสม ได้แก่ สายพันธุ์บีบวกเออี 2 ราย และสายพันธุ์ซีบวกเออี 1 ราย ทั้งนี้สายพันธุ์ที่พบระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นเออีกับบี แต่ที่แถบทวีปแอฟริกามีเชื้อมากกว่า 10 สายพันธุ์ และเชื้อที่ระบาดทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกามากที่สุดคือสายพันธุ์ซี ด้าน น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า เมื่อปี 2548


ศูนย์เฝ้าระวังการแพร่ระบาดโรคเอดส์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรคกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์สายพันธุ์ผสม 1 ราย คือ เชื้อเอดส์สายพันธุ์เอ/อี ซึ่งพบมากในประเทศไทยและสายพันธุ์ซี ซึ่งในประเทศแถบแอฟริกาใต้เกือบ 100% ติดเอดส์สายพันธุ์นี้ โดยผู้ป่วยเป็นเพศหญิง ติดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยรายนี้ รพ.ศิริราช ได้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นรายแรกของประเทศที่มีเชื้อเอดส์สายพันธุ์ซี แต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเอดส์สายพันธุ์ซีอย่างเดียวในประเทศไทย แต่ไม่ว่าจะติดเชื้อเอดส์สายพันธุ์อะไร จะก่อให้เกิดการเจ็บป่วยเหมือนกัน "แม้พบเพียง 1 ราย และเป็นการผสมระหว่างสายพันธุ์เอ/อี บวกกับซี ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า



"ยาต้านปัจจุบัน จะใช้ไม่ได้ผล"




มีการกลายพันธุ์ของเชื้อแล้ว ซึ่งตามปกติเชื้อเอดส์จะมีการกลายพันธุ์โดยธรรมชาติ และกลายพันธุ์โดยผสมกับเชื้อเอดส์สายพันธุ์อื่น ตอนนี้กรมควบคุมโรคกับ รพ.ศิริราช ได้เฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้แพร่สู่ผู้อื่น" น.พ.ธวัช กล่าว อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า เชื้อเอดส์ในประเทศไทยที่พบมากที่สุดร้อยละ 90 เป็นสายพันธุ์เอ/อี รองลงมาคือสายพันธุ์บี ส่วนสายพันธุ์ซี ในอินเดีย จีน พบมากถึงร้อยละ 50 ขณะที่ประเทศในแถบแอฟริกาใต้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นสายพันธุ์ซี ทั้งนี้ ไม่ว่าเชื้อเอดส์สายพันธุ์ใดก็มีการติดต่อเหมือนกัน คือ ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ติดต่อผ่านการรับเลือดและจากแม่สู่ลูก ขอให้ประชาชนตระหนักถึงการป้องกันเอดส์ ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์


น.พ.ธวัช บอกด้วยว่า สิ่งที่ต้องติดตามต่อไป คือ เชื้อเอดส์พันธุ์ผสมจะมีผลต่อการพัฒนาวัคซีนของไทยที่เป็นเชื้อสายพันธุ์เอ/อี หรือไม่ การให้ยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐานสูตรอื่นๆ ลักษณะโรคแทรกซ้อน จึงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หากมีการระบาดของสายพันธุ์ซี ก็ต้องพัฒนาวัคซีนสำหรับสายพันธุ์นี้เพิ่ม และถ้าเชื้อดื้อยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐานก็ใช้ไม่ได้ผลต้องใช้ยาสูตรอื่นที่ราคาแพงกว่า สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูงกว่า "การรักษาเชื้อเอชไอวีที่แพร่ระบาดในไทย สามารถรักษาด้วยยาพื้นฐาน แต่มีบางส่วนที่ดื้อต่อยาพื้นฐาน ต้องใช้ยาแนวที่สอง หรือ Second Line ซึ่งมีราคาแพง ดังนั้นการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อดีที่สุด และหากมีการติดเชื้อไวรัสลูกผสม ก็ต้องศึกษาภาวะความรุนแรงของความเจ็บป่วย รวมทั้งภาวะดื้อยา เพื่อพัฒนายาให้การรักษาได้ผล" น.พ.ธวัช กล่าว



"เอดส์มีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา"




ขณะที่ ศ.เกียรติคุณ น.พ.ประเสริฐ ทองเจริญ อาจารย์ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล-บี บราวน์ ประจำปี 2549 จากการทำงานวิจัยด้านโรคติดเชื้อไวรัสที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศไทย เช่น ไวรัสเอดส์มากว่า 20 ปี กล่าวว่า ไม่ควรตื่นตระหนกกรณีพบผู้ป่วย 1 ราย ติดเชื้อเอดส์สายพันธุ์ผสมระหว่างเชื้อเอดส์สายพันธุ์เอ/อี กับซี เนื่องจากต้องใช้เวลาอีกนาน เชื้อชนิดนี้จึงจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศไทย ศ.เกียรติคุณ น.พ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องการให้รณรงค์ในปัจจุบันคือ การป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพราะกลุ่มเหล่านี้ไม่ตระหนักถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย


มีแค่ร้อยละ 20-30 เท่านั้น ที่ใช้ถุงยางอนามัย ตนอยากให้หาวิธีไม่ให้มีคนติดเชื้อเพิ่ม ทั้งนี้ เชื้อไวรัสเอดส์มีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา มีโอกาสเกิดการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว สิ่งที่ไม่คาดหวังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ การคาดการณ์ว่าจะเกิดการกลายพันธุ์จึงมีขึ้นได้ ตราบใดที่คนเดินทางติดต่อกัน เป็นไปได้ที่จะพบเชื้อเอดส์สายพันธุ์อื่นๆ เพิ่ม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ป่วยเอดส์ที่มีเชื้อผสมระหว่างสายพันธุ์เอ/อี กับซี ที่ ศ.พ.ญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ผู้รับผิดชอบศูนย์รวบรวมและวิเคราะห์เชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย ตรวจพบนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 3-4 ปีก่อน ขณะนี้ผู้เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เป็นผู้ป่วยรายเดียวกันกับรายงานของกรมควบคุมโรคมีอยู่หรือไม่ ทั้งนี้ ศ.พ.ญ.รวงผึ้ง อยู่ระหว่างไปราชการต่างประเทศ




"ให้ตรวจสอบก่อน ตัดสินใจไป"




คาดว่าอีกไม่นานก็จะทราบผลว่า พบผู้ป่วยเอดส์สายพันธุ์ผสมนี้เพียงรายเดียวหรือเพิ่มเป็น 2 รายกันแน่ นางนภา เศรษฐกร รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ปี 2546-2549 ได้ช่วยเหลือหญิงไทยที่หลบหนีจากแก๊งค้ามนุษย์แอฟริกาใต้แล้ว 71 คน โดยเฉพาะปี 2549 ที่ผ่านมา 5 เดือน ปรากฏว่ามีจำนวนมากถึง 24 คน ถือเป็นแหล่งค้ามนุษย์แห่งใหม่ จากเดิมที่มีจุดหมายอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น เยอรมนี และออสเตรเลีย นางนภา เชื่อว่า ขบวนการค้ามนุษย์แอฟริกาใต้มีเพียงไม่กี่กลุ่ม แต่สร้างระบบการทำงานเป็นเครือข่าย และอาจเป็นกลุ่มเดียวกับที่ส่งผู้หญิงไทยไปญี่ปุ่นหรือเยอรมนีก็ได้ เนื่องจากแอฟริกาใต้ไม่ต้องขอวีซ่าล่างหน้า ทำให้ส่งไปได้ง่ายกว่า แต่การจับกุมทำได้ยากมาก


เพราะแก๊งนี้จะปกปิดชื่อจริงและตัวตน เหยื่อจะรู้เพียงชื่อเล่น และจะพบแต่ละคนไม่นานนัก มีการส่งต่อให้คนใหม่ตลอดเวลา ป้องกันไม่ให้เหยื่อจำหน้าได้ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ กล่าวถึงวิธีแก้ปัญหาว่า ได้สำรวจและเฝ้าระวังพื้นที่ซึ่งแก๊งค้ามนุษย์มักเข้าไปหาเหยื่อ โดยให้ข้อมูลผู้นำชุมชนและกลุ่มแม่บ้าน อยากเตือนให้ผู้หญิงอีสาน ที่ถูกชักชวนให้ไปแอฟริกาใต้ทุกคน ตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวงแรงงานก่อนตัดสินใจ เช่น ถ้าไปนวดหรือทำร้านอาหาร ก็ต้องสอบถามว่ามีชื่อร้านดังกล่าวจริงหรือไม่ พยายามสืบข้อมูลผู้มาชักชวนด้วยว่า เป็นใครมาจากไหน และต้องปรึกษาผู้ใหญ่ใกล้ชิดก่อน แก๊งนี้มักเกลี้ยกล่อมไม่ให้บอกญาติมิตร ดังนั้น อย่าตัดสินใจไปคนเดียวโดยไม่บอกใครเด็ดขาด หากไม่มีที่ปรึกษาก็ติดต่อไปที่สายด่วน 1300 ศูนย์ประชาบดี เพื่อขอข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง



"หญิงไทย กำลังเป็นที่ต้องการ"




แหล่งข่าวผู้ช่วยเหลือหญิงไทยจากแก๊งค้ามนุษย์แอฟริกาใต้ ให้ข้อมูลกับ "คม ชัด ลึก" ว่า ขณะนี้หญิงไทยกำลังเป็นที่ต้องการของกลุ่มค้าบริการทางเพศ โดยเฉพาะแหล่งบันเทิงกลางคืนในเมืองพริทอเลีย โจฮันเนสเบิร์ก เดอร์บัน และเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ จะมีกลุ่มแม่เล้าพ่อเล้าที่นำหญิงไทยมาส่งให้ลูกค้าตามสถานบริการต่างๆ 3 วิธี คือ ส่งไปนั่งตามบาร์หรือผับที่แฝงค้าบริการทางเพศ, ขังไว้ในบ้านพักแล้วติดต่อให้ลูกค้าที่เป็นนักเที่ยวเฉพาะกลุ่ม และลงประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า มีหญิงเอเชียหรือหญิงไทยให้บริการนวดนอกสถานที่ "ผู้หญิงไทยที่มาทำงานค้าบริการทางเพศ มีประมาณ 400-500 คน ทั้งที่เต็มใจและถูกหลอก ส่วนใหญ่จะหลอกว่าให้มาทำงานสปาและร้านอาหารไทย



เอเย่นต์จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ประมาณคนละ 4 แสนบาท และหลอกว่า 3 เดือนก็ใช้หนี้หมด พอมาถึงแอฟริกาใต้จะมีแม่แท็ก หรือแม่เล้าดูแล พวกนี้จะเป็นหญิงไทยที่แต่งงานกับคนแอฟริกาผิวขาว หรือคนจีน-ไต้หวัน มีลูกน้องเป็นคนดำคอยดูแลเหยื่อ สำหรับค่าตัวรับแขกจะได้ชั่วโมงละ 400 แรนด์ หรือ 2,500 บาท หากครึ่งชั่วโมงคิด 300 แรนด์ หรือ 2,000 บาท เงินที่ได้เจ้าของสถานบริการจะหักไว้ครึ่งหนึ่ง แม่แท็กหักไว้อีกครึ่งหนึ่ง จนกว่าจะใช้หนี้หมด ไม่รวมค่าอาหารและที่พัก ทำให้หนี้ก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" แหล่งข่าว กล่าว







แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์