ร้อง ปวีณา หมอทำลูก 9 ขวบดับคาเตียง

แม่ร้อง "ปวีณา" โวยหมอ-พยาบาล ทำลูกวัย 9 ขวบ ดับคาเตียง ด้าน ผอ.รพ.คู่กรณียอมใช้ 2 แสน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ก.พ. ที่สำนักงานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางสมัย พิมพ์อักษร อายุ 39 ปี ชาวพิจิตร เข้าร้องเรียนเพื่อให้ความเป็นธรรมที่ รพ.แห่งหนึ่งรักษาลูกจนตายโดยนางสมัย เผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ต้องพาลูกชายวัย 9 ขวบชื่อน้องกาย หรือ ด.ช.ธนกฤต พิมพ์อักษร เข้า รพ.เพื่อผ่าตัดไส้ติ่ง แต่ รพ.ไม่มีเครื่องมือเลยส่งต่อที่ รพ.ดังกล่าว พอมาถึงหมอยังไม่รีบผ่าตัดลูกชาย ทั้งที่ลูกชายตนร้องด้วยความเจ็บปวดและทรมานตั้งแต่บ่าย 2 จนถึง 1 ทุ่ม หมอยังไม่ยอมผ่าตัด เพียงแค่เดินมาดูและคลำท้อง จนลูกชายตนต้องขอร้องให้ช่วยผ่าตัด เพราะปวดท้องทนมานเหลือเกิน แต่หมอยังไม่ยอมแถมยังบอกลูกตนมีอาการทางประสาท เพราะเห็นลูกตนปวดท้องจนนอนดิ้นไปมาตลอดเวลา
   
นางสมัย เผยต่อว่า จากนั้นหมอคนเดิมสั่งให้พยาบาล มัดมือมัดเท้าลูกตนติดกับเตียง พอลูกตนทนปวดท้องไม่ไหวเลยร้องด่าพยาบาล

ทำให้พยาบาลโกรธใช้มือตบปากลูกตนจนเลือดออก ลูกตนเลยถ่มน้ำลายใส่ซ้ำด้วยความโมโห คราวนี้พยาบาลคนเดิมโกรธมาก เอาผ้ามาอุดปากจมูกลูกตนจนน้องกายนอนดิ้นสะบัดหัวไปมา แต่พยาบาลยังไม่ยอมหยุด จนน้องกายหน้าซีด พยาบาลเลยหยุดก่อนเข็นเตียงลูกตนไปห้องอื่นที่ไม่มีคนไข้ ตนเลยตามไปดู เห็นลูกกำลังจะยื่นมือเหมือนจะขอให้ตนช่วย แต่พยาบาลไม่ยอมตนเข้าใกล้ จากนั้นลูกตนหมดสติ ผ่านไปไม่นานพยาบาลออกมาบอกตนว่า น้องกายเสียชีวิตแล้ว ด้วยสาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง
หัวอกคนเป็นแม่บอกอีกว่า

แต่ตนเชื่อว่าลูกไม่ได้เสียชีวิตอย่างที่แพทย์ระบุแน่นอน เพราะถ้าหมอรักษาผ่าตัดลูกตน ลูกตนคงไม่เสียชีวิต ทั้งที่ รพ.แรกบอกแล้วว่าเป็นไส้ติ่งต้องผ่าตัดด่วน ยังหาว่าลูกตนเป็นโรคประสาท

อีกทั้งหมอกับพยาบาลไม่มีจรรยาบรรณ ลูกตนเลยต้องจบชีวิตด้วยอายุยังน้อย แถมก่อนที่ตนจะมาร้องเรียน ทาง ผอ.รพ.ดังกล่าวได้โทรมาหาตน เพื่อจะขอไกล่เกลี่ยพร้อมกับบอกจะมอบเงินให้ 150,000 บาท โดยขอให้เรื่องจบแต่ตนไม่ยอม เพราะต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูก จากนั้นนางปวีณาประสานไปยัง ผกก.สภ.เมืองพิจิตร เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานไปยัง นพ.เรวัตร วิศรุตเวช อธิบดีกรมแพทย์ เพื่อตรวจสอบกรณีแพทย์กับพยาบาล หากพบว่ามีมูลหรือบกพร่อง ให้ดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย ห้ามช่วยเหลือกันอย่างเด็ดขาด

ต่อมา รอง ผอ.รพ.ที่ถูกกล่าวหา ชี้แจงว่า การที่ญาติผู้ตายร้องเรียนนั้น คงเป็นการเข้าใจผิด

โดยเด็กส่งตัวมาที่รักษา เพราะสงสัยจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ อีกทั้งตรวจสอบประวัติพบว่าเมื่อ 4-5 วันก่อนหน้านี้ เด็กถีบจักรยานล้มและมีอาการปวดท้อง ดังนั้นเมื่อแพทย์ตรวจสอบท้อง พบว่าอาการไส้ติ่งอักเสบยังไม่ชัดเจน เลยให้ยาฆ่าเชื้อในช่องท้องและฆ่าเชื้อในกระแสเลือด เนื่องจากน้องมีอาการเป็นไข้ พอเวลา 4 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม เด็กยังไม่มีอาการดีขึ้น ประกอบกับเพ้อและสับสน แพทย์ที่รักษาเห็นว่าหากอาการดีขึ้น จะเอาไปตรวจสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อ สุดท้ายไม่ทันการอาการของเด็กทรุดอย่างรวดเร็ว โดยมีอาการความดันต่ำ หายใจไม่สะดวก เลยต้องใช้ท่อเครื่องช่วยหายใจ ส่งตัวเข้าห้องไอซียู สุดท้ายเสียชีวิตดังกล่าว
   
ส่วนที่ญาติติดใจเรื่องผ้าปิดปากปิดจมูกและไม่ยอมผ่าตัดนั้น ขอชี้แจงว่า

ช่วงที่เด็กมีอาการเพ้อ แพทย์กับพยาบาลต้องช่วยกันจับยึดน้องติดกับเตียง เพราะกลัวเข็มน้ำเกลือจะทิ่มเข้าลึก และดิ้นตกเตียง ส่วนที่ใช้ผ้าปิดปากนั้น เพราะเด็กถ่มน้ำลายตลอดเวลา เราเลยต้องใช้ผ้าปิดปาก ทว่าญาติมองเลยเหมือนปิดจมูกด้วย คงไม่มีแพทย์หรือพยาบาลคนใดอยากทำร้ายคนไข้ ที่สำคัญแพทย์ไม่อยากให้คนไข้ของตัวเองเสียชีวิตแน่ โดยการช่วยเหลือนั้น ที่ได้คุยกับญาติเบื้องต้น จะได้รับเงินช่วยเหลือจากผลกระทบจากการให้บริการทางด้านสาธารณสุข โดยผลักเข้ามาตรา 40 เนื่องจากน้องมีบัตรทองเป็นเงิน 200,000 บาท
   
จากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นางปวีณา ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองพิจิตร เพื่อฟังผลสรุปการรักษาของน้องกาย จาก รอง ผอ.รพ.ดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ นภานิสุทธิ์ ผกก. กับนางสมัยมารดาของน้องกายเข้านั่งฟังด้วย โดยนางปวีณา กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อยากให้เป็นอุทาหรณ์กับคณะแพทย์และพยาบาลในการดูแลรักษาคนไข้ หรือการวินิจฉัยโรคให้ดี ควรให้รอบคอบมากกว่านี้ โดยทาง รพ. ยอมรับความผิดพลาดครั้งนี้ พร้อมกับรับปากจะดูแลครอบครัวของนางสมัย โดยจะชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นจำนวน 200,000 บาท.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์