ระดมพระ-เณรสวด วัดหลอน แว่วทารกร้องไห้

แห่ไหว้ - ชาวบ้านแห่นำเสื้อผ้าเด็ก น้ำดื่มและนมกล่อง
เป็นของเซ่นไหว้วิญญาณทารกถูกทำแท้ง ที่โกดังเก็บศพ วัดไผ่เงิน
ขณะที่มีเสียงร่ำลือกันถึงความอาถรรพ์ของโกดังเก็บศพแห่งนี้หนาหู ตามข่าว

ชาวบ้าน-จนท.วัดไผ่ เงิน พากันผวาวิญญาณ ทารก บอกแว่วเสียงเด็กร้องไห้กลางดึก จนไม่เป็นอันนอนเกือบทุกคืน ขณะที่ทางวัดจัดการแก้เคล็ด ระดมพระ-เณรวัดทั้งวัดสวดบังสุกุลส่งวิญญาณเด็กๆ ไปสู่สุคติ พร้อมนัดทำบุญวัดครั้งใหญ่ 28 พ.ย.นี้

นิมนต์พระผู้ใหญ่มาร่วมพิธีถึง 45 รูป โดยจะทุบทิ้งช่องเก็บศพทั้งหมดแน่ ส่วนชาวบ้านยังแห่นำเอาของมาเซ่นไหว้วิญญาณทารกน้อย บอกกลัวจะหิวโหย ตร.คุมตัว 2 สัปเหร่อฝากขัง โดยไม่ค้านประกันตัว สัปเหร่อยันจะไม่ขอขมาศพเด็กๆ เพราะคนผิดคือพ่อ-แม่ และหมอทำแท้งที่ก่อเรื่อง ทางด้านมูลนิธิเพื่อนหญิงฉะนายกฯลอยตัว อ้างว่ากม.ทำแท้งที่มีอยู่ดีอยู่แล้ว ทั้งที่คนทำแท้งหนักขึ้นปีละเป็นแสนๆ ราย เตรียมแถลงเสนอทางแก้

จากกรณีสลดและเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลก พบซากเด็กทารกถูกทำแท้ง ซ่อนไว้ในวัดไผ่เงิน ท้องที่สน.วัดพระยาไกร ซึ่งล่าสุดนับได้จำนวนถึง 2,002 ศพ โดยตำรวจแจ้งข้อหากับผู้ต้องหา 3 คน คือ น.ส.ลัญฉกร จันทมนัส อายุ 33 ปี เจ้าของคลินิกเถื่อนย่านหนองแขม นายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 46 ปี สัปเหร่อวัดไผ่เงิน นายสุชาติ ภูมี อายุ 38 ปี ผู้ช่วยสัปเหร่อ ที่ช่วยกันซ่อนเร้นศพ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 20 พ.ย. ที่สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.ชูศักดิ์ คำทราย สวส.สน.วัดพระยาไกร นำตัวนายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 46 ปี สัปเหร่อ

และนายสุชาติ ภูมี อายุ 38 ปี ผู้ช่วยสัปเหร่อ วัดไผ่เงินโชตนาราม ผู้ต้องหาร่วมกันทำลายซ่อนเร้นพยานหลักฐานในการกระทำผิดเพื่อช่วยผู้อื่นให้ไม่ต้องรับโทษ ไปฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อผัดฟ้องเป็นนัดแรก หลังจากสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกร ไม่คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังมีสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา

พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร กล่าวว่า วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด เพราะผู้ต้องหาคงไม่หลบหนี หรือไปทำลายพยานหลักฐาน สำหรับการสอบสวนขณะนี้ได้สอบปากคำไปแล้ว 6-7 ปาก ส่วนผลการชันสูตรศพนั้น กำลังรอผลการตรวจสอบดีเอ็นเอซากศพเด็กทารก จำนวน 2,002 ศพ จากสถาบันนิติเวช ร.พ.จุฬาฯต่อไป

ด้านนายสุชาติ กล่าวว่า ยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าจะให้ตนขอขมาศพทารกนั้น คงไม่ทำเช่นนั้น เพราะสิ่งที่ตนทำไปเป็นเพียงปลายเหตุเท่านั้น

คนที่จะต้องจุดธูปขอขมาศพทารกคือคนก่อเหตุ หรือคนต้นเรื่องมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพ่อและแม่ของศพทารก คนทำแท้ง แม้กระทั่งหมอก็ตาม คนเหล่านี้ต่างหาก ที่ต้องทำบุญขอขมาศพเด็กทารกทั้งหมด ตนไม่รู้ อีโหน่อีเหน่อะไรเลย แต่ถ้าตนได้รับประกันตัวออกมา ก็คิดไว้แล้วว่าจะขอบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเด็กทารกที่เสียชีวิตทั้งหมดเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาสัปเหร่อทั้งสอง วางเงินสดคนละ 1 แสนบาท ยื่นประกันตัวออกไป

ทางด้านนายสมชาย แก่นเพชร อายุ 38 ปี ซึ่งเดินทางมายังวัดไผ่เงิน กล่าวว่า ตนทำงานเป็นพนักงานส่งเอกสารบริษัทแห่งหนึ่ง วันนี้เดินทางมาเพื่อนำนมกล่องมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณศพเด็กทารกที่โกดังเก็บศพแห่งนี้ สำหรับตนเคยพักอาศัยอยู่ย่านวัดไผ่เงินมานานประมาณ 16 ปี ไม่เคยพบและได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เมื่อทราบข่าวจึงมาดูด้วยสายตาตนเอง ก็รู้สึกเศร้าใจและสลดใจมาก สำหรับสิ่งของที่นำมาเซ่นไหว้ ก็เพื่อให้ดวงวิญญาณทารกได้มีกิน จะได้ไม่อด

นางวีรญา พิกุลหอม อายุ 25 ปี อาชีพแม่บ้าน พร้อมด้วยน้องพลอย อายุ 7 ขวบบุตรสาว เดินทางมาที่บริเวณโกดังเก็บศพ พร้อมกล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเศร้าใจและสลดหดหู่ใจอย่างมาก ไม่คิดว่าศพทารกจะมีจำนวนมากขนาดนี้ ส่วนหญิงสาวก็ควรที่จะมีการป้องกัน หากตั้งครรภ์และไม่มีความพร้อมที่มีบุตร ก็ไม่สมควรที่จะมาทำแท้งเช่นนี้

ด้านเจ้าหน้าที่วัดไผ่เงิน กล่าวว่า พักอาศัยอยู่ที่วัดแห่งนี้มานานแล้ว หลังเกิดเหตุพบศพทารกจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในโกดังเก็บศพ

ตนถึงกับนอนผวาเกือบทุกคืน บางคืนก็ได้ยินเสียงคล้ายเด็กร้องไห้ แต่ก็ไม่กล้าออกมาดูเพราะกลัว รวมทั้งชาวบ้านละแวกวัดไผ่เงิน ก็เคยพูดว่าเคยได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เช่นกันรวมทั้งได้กลิ่นเหม็นเน่าด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนบริเวณโกดังเก็บศพภายในวัดไผ่เงินโชตนาราม พบว่าวันนี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงัดวังเวง โดยโกดังเก็บศพทั้งหมด 20 ช่องนี้เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางเจ้าอาวาสวัดไผ่เงิน ดำเนินการให้พระภิกษุและสามเณรของวัดไผ่เงินทั้งหมด มาสวดมนต์และทำพิธีบังสุกุลอุทิศส่วนกุศล พร้อมนำสายสิญจน์มาพันรอบๆ โกดังเก็บศพ เพื่อส่งวิญญาณศพทารกทั้งหมดให้ปลดปล่อยไปสู่สุคติ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงรวมทั้งประชาชนที่ทราบข่าวต่างๆ เดินทางมาจุดธูปไหว้ช่องเก็บศพแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อน้ำนม รวมทั้งเสื้อผ้า และของเล่นเด็ก มาวางไว้ที่ช่องเก็บศพด้วย เนื่องจากเกิดความสงสาร เพราะเชื่อว่าดวงวิญญาณทารกคงหิวโซมาก ส่วนเสื้อผ้าและของเล่นนั้น คงนำมาวางไว้เพื่อให้ดวง วิญญาณทารกได้เล่นได้ใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางวัดไผ่เงินจะมีการทำบุญวัดครั้งใหญ่ เวลา 09.00 น. วันที่ 27 พ.ย.นี้ โดยมีเจ้าคณะเขต และพระชั้นผู้ใหญ่ จำนวน 45 รูปเข้าร่วมพิธี รวมทั้งจะทุบรื้อถอนโกดังเก็บศพแห่งนี้ทิ้งทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นจุดซ่อน ปิดบัง อำพรางสิ่งไม่ดีอีกต่อไป

เวลา 11.15 น. ที่จ.ระยอง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการทำแท้งเถื่อนในไทย ซึ่งถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกว่า ยอมรับว่าเป็นปัญหาใหญ่ และตนเคยพูดถึงปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และได้ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นหน่วยงานหลักเพื่อรณรงค์ทำความเข้าใจ สร้างค่านิยมที่ถูกต้องให้กับกลุ่มเสี่ยง แต่ต้องยอมรับว่าปัญหานี้ต้องใช้เวลาเปลี่ยนค่านิยมหลายอย่าง และต้องพยายามเดินหน้าเรื่องนี้ในเชิงรุกให้มากขึ้น ต้องเข้มงวดกวดขันกรณีที่มีการไปทำแท้งผิดกฎหมายให้มากขึ้น นี่คือแนวทางที่ยึดถือและต้องเดินหน้าแก้ไข

เมื่อถามว่า จะต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้มีปัญหา ความยืดหยุ่นมีอยู่ในข้อยกเว้นของกฎหมายนั้น และแนวทางของแพทยสภาได้ทำร่วมกันมาเป็นที่เข้าใจกันดีในวงการสาธารณ สุข คิดว่าในปัจจุบันเหมาะสมอยู่แล้ว เมื่อถามว่า จะต้องตรวจสอบสถานพยาบาลอย่างเข้มงวดมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเข้มงวดกวดขันให้มากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบคลินิกต่างๆ ตนขอย้ำว่าการเดินหน้าในเชิงรุกนั้น ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาว่ามีกลุ่มเสี่ยงที่ไหนบ้าง และให้เข้าไปสร้างค่านิยมที่ถูกต้องให้กลุ่มเสี่ยงนั้นมากขึ้น

ด้านนายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า การที่นายกฯ ระบุกฎ หมายการทำแท้งเหมาะสมแล้ว ไม่จำเป็นต้องแก้ไขนั้น ถือว่านายกฯ ลอยตัวในการแก้ปัญหาเรื่องนี้

ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่เป็นความมั่นคงของประเทศมาก อย่ามองว่ากฎหมายที่มีอยู่ดีแล้ว มิฉะนั้นปัญหาคงไม่ดำรงอยู่มานานและทวีความรุนแรงมีการทำแท้งปีละเป็นแสนๆ ราย รัฐบาลอย่าคิดว่าแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่ามองแค่ว่าคนทำแท้งผิดกฎหมาย จะให้ตำรวจไปวิ่งไล่ตามจับผู้หญิงที่มาทำแท้ง หรือตามคลินิก หรือสถานที่รับทำแท้ง ปัญหาก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่มีวันจบสิ้นไปได้ เพราะต้นเหตุปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ยังไม่ทำงานเชิงป้องกัน ยังไม่แก้ทัศนคติชายเป็นใหญ่ ยังมองผู้หญิงเลวไม่ดีอยู่ฝ่ายเดียว มองเรื่องบาปบุญคุณโทษเป็นหลัก ขณะที่รมว.สาธารณสุขก็ดองร่างพ.ร.บ.คุ้มครอง อนามัยเจริญพันธุ์มา 2 เดือน ไม่ยอมส่งเข้า ครม. ทำงานช้ามาก ส่วนหลักสูตรสอนเพศศึกษาก็ไม่มีประสิทธิภาพจริงแค่พูดกันไป

"เรามานั่งนับศพเด็กกี่ศพ จับสถานที่ทำแท้งแก้ปลายเหตุ ปัญหาไม่จบ ดังนั้นสัปดาห์หน้าองค์กรสตรีและเครือข่ายทั้งหมด จะแถลงข่าวการแก้ปัญหาเรื่องนี้ และไปยื่นหนังสือต่อนายกฯ รมว.สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง เพราะการที่นายกฯ ไม่ยอมแตะกฎหมายทำแท้ง ทั้งที่กฎหมายเป็นจุดอ่อนปัญหา ต้องปฏิรูปปรับปรุงให้ชัดเจน แก้กฎหมายให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์มีทางออก ต้องมีการ สังคายนาเรื่องนี้ครั้งใหญ่ ทั้งเรื่องกฎหมายและนโยบายป้องกัน แต่นายกฯ กลับปิดทางไม่พูดเรื่องกฎหมายเลย เพราะกลัวอะไร ขณะที่ประ เทศอื่น หากเกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้ ก็ต้องเปิดช่องให้เกิดการแก้ปัญหาทุกทาง" ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิงกล่าว

วันเดียวกัน น.พ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีพบศพทารกจากการทำแท้งเพิ่มที่วัดไผ่เงินว่า

ที่ผ่านมาได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่เพื่อขยายผล ตรวจสอบคลินิกที่รับทำแท้งเถื่อนในพื้นที่ต่างๆ มาโดยตลอด ซึ่งปกติจะมีการลงพื้นที่ตรวจ สอบคลินิกต่างๆ อยู่แล้ว และได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ทั่วประเทศ เพื่อเฝ้าระวังสถานพยาบาล 4 ประเภทตามที่นายจุรินทร์ ลักษณ วิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข มีคำสั่ง คือ คลินิกเสริมความงาม คลินิกรับทำศัลยกรรม คลินิกบำบัดยาเสพติด และคลินิกรับวางแผนครอบ ครัว ขณะเดียวกัน ทางกรมสนับสนุนบริการสุข ภาพ ก็จะส่งเจ้าหน้าที่หาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกทำแท้งในพื้นที่ที่มีหอพักอยู่จำนวนมาก และพื้นที่บริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยในเขตกรุง เทพฯ และปริมณฑลด้วย เพราะในพื้นที่ดังกล่าวถือว่าเป็นพื้นที่ที่เข้าข่ายน่าสงสัยจะมีการเปิดคลินิกรับทำแท้ง

น.พ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า แพทยสภาอยู่ระหว่างรอผลการสืบ สวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ซึ่งหากพบว่ามีคลินิกทำแท้งใดที่มีผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์เป็นผู้ดำเนินการ ทางแพทยสภาจะถือว่าผิดจริยธรรม และจะเพิกถอนการใช้ใบประกอบวิชาชีพแพทย์ทันที แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีแพทย์รายใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า มีแพทย์ที่ผิดจริยธรรมในการทำแท้งไม่มาก เฉลี่ยปีละ 1-2 ราย เพราะส่วนใหญ่คนที่รับทำแท้งจะเป็นแพทย์เถื่อนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพมากกว่า เพราะแพทย์สูตินรีเวชโดยตรงจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ ขณะที่แพทย์ด้านเสริมความงาม ศัลย กรรมก็ไม่พบเช่นกัน

น.พ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กฎหมายของประเทศไทยกำหนดไว้ว่าการทำแท้งบุตร หรือยุติการตั้งครรภ์ในกรณีที่มารดาถูกข่มขืน

หรือหากตั้งครรภ์จะส่งผลต่อสุขภาพนั้น และกำหนดว่าจะต้องมีอายุครรภ์ต่ำกว่า 28 สัปดาห์หรือประมาณ 7 เดือน ขณะที่ต่างประเทศกำหนดให้ต่ำกว่า 5 เดือน แต่จริงๆ แล้วการยุติการตั้งครรภ์จะทำให้อายุครรภ์ต่ำกว่า 3 เดือนจึงจะปลอดภัยต่อมารดาที่สุด เนื่องจากหากทำในอายุครรภ์มากๆ อาจก่ออันตรายต่อมารดา ทำให้ตกเลือดหรือมดลูกแตก และเสียชีวิตได้ สิ่งสำคัญคือจึงต้องทำในโรงพยาบาลที่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบถ้วน และต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

"กรณีเด็กทารกจะรอดชีวิตจากการทำแท้งนั้น มีความเป็นไปได้ในอายุครรภ์มากกว่า 7 เดือน ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า คลอดก่อนกำหนด แต่กรณีดังกล่าวจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตทารกด้วย เนื่องจากเด็กคลอดก่อนกำหนดร่างกายจะไม่สมบูรณ์ ยังไม่สามารถควบคุมการหายใจ อุณหภูมิภายในร่างกาย รวมทั้งการทำงานของสมอง หากไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือเด็กอาจไม่รอดได้" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์