มหิดลเผยผลวิจัยฟาสต์ฟู้ดอันตราย

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.)

นายวิสิฐ จะวะสิต นักวิชาการ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลการวิจัยในการเสวนาเรื่อง "ทรานส์ ไขมันอันตราย" ว่า จากการสุ่มตัวอย่างจากงานวิจัย สถานประกอบการ และจากท้องตลาดจำนวน 300 ตัวอย่าง พบว่ามีการปนเปื้อนของไขมันทรานส์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

นายวิสิฐกล่าวต่อว่า ผลการวิจัยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1.ผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนของไขมันทรานส์ที่จัดอยู่ในระดับเสี่ยงมาก มีร้อยละ 2.45 ทั้งที่จำหน่ายตามรถเข็น ร้านค้าข้างถนน และยี่ห้อที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอาหารกลุ่มโดนัตทอด ขนมพัฟฟ์ และพาย

2.ผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนของไขมันทรานส์ในระดับเสี่ยง พบร้อยละ 38 เช่น มาการีน ขนมขาไก่ คุกกี้ ขนมเวเฟอร์ และครีมเทียม เป็นต้น และ

3.ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีความเสี่ยง พบในแซนด์วิช มันฝรั่งทอด เป็นต้น โดยไขมันทรานส์เกิดจากการใช้ก๊าซไฮโดรเจนมาทำปฏิกิริยากับไขมันไม่อิ่มตัว ทำให้อิ่มตัว แต่บางส่วนไม่อิ่มตัวกลายเป็นไขมันทรานส์ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากจัดเป็นไขมันที่ไม่ดี และยังทำให้ไขมันไม่ดีชนิดอื่นเพิ่มปริมาณมากขึ้นในร่างกาย ขณะเดียวกันไปลดไขมันชนิดดี ส่งผลให้หลอดเลือดในร่างกายอักเสบและเสื่อมจนตีบตันเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมันชนิดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ไม่จำเป็นต้องมีฉลากแสดง การแก้ไขจึงต้องเร่งดำเนินการอยู่ที่การควบคุมการผลิตทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ และพยายามส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ไขมันอิ่มตัวที่เป็นธรรมชาติ อย่างปาล์ม และมะพร้าวแทน

ด้าน ดร.สมเกียรติ โภศัลวัฒน์ หนึ่งในนักวิจัย กล่าวเสริมว่า

ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทุกชนิด ไม่เฉพาะแต่ไขมันทรานส์ เนื่องจากไขมันอิ่มตัวอื่นๆ ส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงการเป็นโรคเรื้อรังอื่นๆ ทั้งสิ้น ในการเลือกบริโภคจึงควรเลือกในปริมาณน้อยและไม่กินซ้ำบ่อยๆ ใน 1 วันควรรับประทานอาหารประเภททอด ผัด หรือที่มีส่วนประกอบของไขมัน ไม่เกิน 1 มื้อ อาทิ โดนัตใน 1 วันไม่ควรกินเกิน 1 ชิ้น และไม่ควรกินบ่อยหรือทุกวัน

ดร.สมเกียรติกล่าวต่อว่า
 
มีงานวิจัยในสหรัฐยืนยันว่าหากลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์เพียงครึ่งเดียว จะสามารถป้องกันการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดได้ร้อยละ 10-12 หากไม่กินอาหารชนิดนี้เลยจะป้องกันได้ร้อยละ 18-22 รัฐนิวยอร์กถึงขั้นออกกฎหมายห้ามปรุงอาหารที่มีไขมันทรานส์ทุกชนิด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ กำหนดให้อาหารที่มีปริมาณไขมันทรานส์เกิน 0.8 กรัมต่อการกิน 1 ครั้ง และอาหารที่มีปริมาณไขมันทรานส์ บวกกับไขมันอิ่มตัวเกิน 4 กรัมต่อการกิน 1 ครั้ง ต้องระบุปริมาณไขมันไว้ในฉลากโภชนาการ