คุณเชื่อเรื่องดวงแค่ไหน

คุณเชื่อเรื่องดวงแค่ไหน






เมื่อก่อน 8 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าชอบเรื่องดูดวงอย่างมาก
ด้วยเหตุ แห่ง ราคะ ความโลภ ความหลง(ใหลในศาสตร์)
ความชอบ ความเชื่อ จึงเกิดขึ้น
เลือกที่จะเชื่อเสียด้วย
เช่น ถ้าดูดวงเป็น "วัน" ก็ไม่เชื่อ เพราะเชื่อว่าคนเรา ไม่ใช่ว่ามีเพียง 7 นิสัย
ถ้าดูดวงเป็น "เดือน" ก็ไม่เชื่อ เพราะเชื่อว่าคนเรา ไม่ใช่ว่ามีเพียง 12 นิสัย
ถ้าดูดวงเป็น "ปี" ก็ไม่เชื่อ เพราะเชื่อว่าคนเรา ไม่ใช่ว่ามีเพียง 12 นิสัย

ถ้าจะให้มันส์ที่สุด ต้องดูแบบโหราศาสตร์จีน คือ มี 7 วัน คูณ วันละ 12 ราศี คูณ 12 เดือน คูณ 12 ปี คูณอีก 5 ธาตุ นิสัยคนก็จะเริ่มมีถึง 60,480 นิสัย
ดูหน้าตา โหง้วเฮง ดูสีผิว ดูผิวพรรณ ดูอารมณ์

หลักดูดวง บางครั้งก็ผสมผสานไปกับ หลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสรีระ หลักสถิติของบุคคลิกภาพ หลักแห่งไหวพริบปฎิภาณ
จนบางครั้ง สมเหตุ สมผล ดูน่าเชื่อถือ ที่เนียนที่สุด ก็อ้างอิง พระพุทธศาสนา พราหมณ์-ฮินดู มันก็เลยอร่อยจิตของผู้ดูดวง และผู้เชื่อถือในดวง
....................................................................
มาบัดนี้ ข้าพเจ้าไม่เชื่อในการดูดวง
ข้าพเจ้าเชื่อในพระพุทธเจ้า เชื่อว่า กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ความดีทั้งสามแล้ว การละเว้นกิเลส ทั้ง โลภะ(อยากมีทรัพย์มาก ๆ) โทสะ(โกรธ โมโห ชอบทำให้ผู้อื่นโกรธ ทำให้ผู้อื่นโมโห) โมหะ(หลงในวิชาอื่น ที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้จักจบสิ้น สิ้น) การหมดทุกข์กิเลสทั้งปวง ย่อมนำมาสู่ความเจริญ และความสงบสุข สุขมากกว่าการเชื่อดวง(คือมีโมหะอยู่เต็ม)
.....................................................................
ถ้าว่าด้วยเหตุผลแล้ว
ถ้าเราจะถ่าย วีดีโอ ซีดี เก็บภาพยนตร์ไว้ดูเล่น
ข้าพเจ้าเชื่อว่า เหตุการณ์นั้นต้องเกิดขึ้นตั้งแต่ อดีต ถึง ปัจจุบัน จึงสามารถถ่ายภาพได้ จริงหรือไม่

แต่ถ้าให้ไปถ่ายภาพยนตร์ ในเหตุการณ์อนาคต เห็นจะเป็นเรื่องยาก
การดูดวง พยากรณ์ในอนาคต ก็เช่นเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ยาก
การพยากรณ์ที่สมเหตุสมผล เช่นนั้น ไม่ได้เรียกว่า การดูดวง
เช่นว่า ถ้าท่านนอนน้อยทุกวัน ท่านจะป่วย (แบบนี้ ใครก็ทราบ)
ถ้าท่านไม่สงเคราะห์ญาติ ญาติก็ไม่สนใจท่าน (แบบนี้ ใครก็ทราบ)
ถ้าท่านไม่ทำความสะอาดทุกวัน ค้าขายจะไม่เจริญ (แบบนี้ ใครก็พอทราบ)
.................................................................
จำได้ว่า แม้นแต่ นอส ตาเดอร์มุส ยัง หมายเหตุตอนท้ายเรื่องเลยว่า ทุกสิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้ จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ ก็ขึ้นอยู่ที่เราจะร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงโลกอย่างไร

ประโยคแบบนี้ มันเป็นเหตุเป็นผลกัน ไม่ใช่หรือ
โลกสวยด้วยมือเรา
อนาคตอยู่ที่ท่านกำหนด
(ถ้าการกำหนดอนาคตนั้น ไม่ใช่เพื่อการเพิ่มพูนกิเลสทั้งสาม ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทำได้โดยง่าย)
..................................................................
แต่ผู้นับถือศาสนาพุทธ บางคน นับถือเพื่อเพิ่มกิเลส เช่นนี้ ก็ไม่เป็นสุข มีแต่ทุกข์
คำถามบนโลกใบนี้ จึงมีอยู่มากมาย เช่น
ทำไม ทำดี แล้วไม่ได้ดี (ได้ดีในที่นี้ ดี เพื่อให้ได้โลกธรรม 4 "ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข" เช่นนั้นหรือ)
ทำไม คนทำชั่ว จึงได้ดี (ได้ดีในที่นี้ ดี เพื่อให้ได้โลกธรรม 4 "ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข" เช่นนั้น แบบเดียวกัน)
ทำไม คนดี ต้องตายเร็ว
ทำไม คนดี ต้องติดคุก
ทำไม คนดี ต้องลำบาก
ทุกสิ่ง ที่คนดี ใฝ่หา คือ โลกธรรม 4 ได้มาก ๆ ยิ่งดีมาก
ถ้าอย่างนี้ ก็ไปดูดวงกันเถอะ มีคนคอยปรับทุกข์ คุยแก้เหงา พร้อมให้กำลังใจ
จิตตกเมื่อไร ก็ไปหาหมอดูทุกที (กิเลสมันวน เรียกหาแต่ โลกธรรม 4 )
 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์