ลดราคาสินค้า5รายการตามน้ำมัน

วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ยและแป้งสาลี เอกชนโวยรัฐบาลแก้ส่วยรถบรรทุกตัวการสินค้าพุ่ง จ่ายสติกเกอร์เดือนนับแสน 

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่กระทรวงพาณิชย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการกว่า 200 รายปรับลดราคาสินค้าลงตามราคาน้ำมันดีเซลนั้น ผู้ประกอบการกลุ่มขนส่งได้ร้องเรียนปัญหาส่วยรถบรรทุก ให้นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ซึ่งเป็นประธานที่ประชุมเร่งพิจารณาแก้ไขเร่งด่วน เนื่องจากค่าส่วยเป็นต้นทุนสำคัญของการขนส่งสินค้า แต่ละเดือนผู้ประกอบการต้องจ่ายให้ตำรวจนับแสนบาท เพื่อซื้อสติ๊กเกอร์ติดหน้ารถป้องกันถูกจับกุม  และเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ปรับลดราคาสินค้าไม่ได้มาก แม้ต้นทุนน้ำมันจะลดลง เพราะค่าสติ๊กเกอร์ต้องจ่ายเป็นรายพื้นที่ทุกๆ เดือน เป็นต้นทุนสูงกว่าราคาน้ำมันลด ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่ง รวมถึงผู้ผลิตสินค้าต้องผลักภาระ ขายสินค้าแก่ประชาชนในราคาที่สูงแทน โดยเชื่อว่าหากรัฐบาลแก้ปัญหานี้ได้จะช่วยลดราคาสินค้าได้มาก

นายภูมิ กล่าวว่า  ผู้ประกอบการยินดีให้ความร่วมมือปรับลดราคาสินค้าเบื้องต้น 5 รายการ

ตั้งแต่ 0.55-13.88% เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชนตามนโยบายรัฐบาล หลังจากราคาน้ำมันได้ปรับลงแล้ว รวมถึงแบ่งเบาความเดือดร้อนชาวบ้านช่วงเกิดน้ำท่วม ที่จำเป็นต้องใช้วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ยเคมี ในการซ่อมแซมบ้านเรือนและเริ่มต้นทำการเกษตร  จะเริ่มลดราคาสัปดาห์นี้ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ถุง 50 กก. ลด  5-10 บาท จากราคาปัจจุบัน 135-140 บาท กระเบื้องมุงหลังคา ลดลงแผ่นละ 5 บาท จาก 36-40 บาท ปุ๋ยเคมีลดถุงละ 5-8 บาท จาก 905-1,010 บาท เครื่องปั๊มน้ำลด 100-200 บาท จาก 4,590 บาท และแป้งสาลี ลด 10 บาท จาก 477-698 บาท และเร็วๆนี้ จะเชิญผู้ประกอบกลุ่มอาหารมาหารือคาดว่าจะปรับลดราคาน้ำมันพืช เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ นมและผลิตภัณฑ์ และน้ำตาลทรายได้

นายภูมิ กล่าวต่อว่า กลุ่มสินค้าที่ไม่สามารถลดราคาได้ทันที ผู้ประกอบการยืนยันจะไม่ปรับขึ้นราคา และตรึงราคาถึงสิ้นปี

ได้แก่ หมวดของใช้ประจำวัน เช่น ผงชักฟอก สบู่ ยาสีฟัน และหมวดอาหาร และเครื่องดื่ม เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง เพราะสินค้ากลุ่มนี้ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างการขนส่งกับผู้ประกอบการรับเหมาขนส่งไว้เป็นรายปี และทำสัญญากันล่วงหน้ากันถึงสิ้นปี อีกทั้งน้ำมันยังมีสัดส่วนแค่ 1-3% ของต้นทุนสินค้าเท่านั้น

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งเพิ่มว่า สินค้าที่มีโอกาสที่จะปรับลดราคาได้ ได้แก่ น้ำมันพืช

โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม เพราะขณะนี้ต้นทุนในการผลิตลดลงมากจาก ราคาผลปาล์มที่อ่อนตัวลง ขณะที่น้ำตาลทรายน่าจะลดลง หลังจากที่การเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกก.ละ 5 บาทจะครบกำหนดในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากยกเลิกการจัดเก็บ ก็จะทำให้น้ำตาลทรายลดลงทันที และยังจะส่งผลต่อเนื่องไปยังสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบ เช่น เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ นมและผลิตภัณฑ์นม


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์