แห่วันเป็นแสน ชมสุวรรณภูมิ

"ให้ความปลอดภัยได้ไม่ทั่วถึง"


หลังจากเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ มาเป็นวันที่ 4 ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อช่วงสายวันที่ 1 ต.ค. ว่า บรรยากาศภายในสนามบินสุวรรณภูมิยังคงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ที่มีทั้งผู้โดยสารที่มารอขึ้นเครื่องและคนที่ หอบลูกจูงหลานเข้ามาเที่ยวชมสถานที่ ทำให้การดูแล ความปลอดภัยไม่ทั่วถึง นอกจากนี้ บริเวณถนนโดยรอบทางเข้าสนามบินมีประชาชนนำรถมาจอดตามไหล่ทาง เป็นแถวยาวเหยียด เพื่อรอบันทึกภาพช่วงเครื่องบินขึ้น-ลง ซึ่งสร้างปัญหาให้รถที่เดินทางเข้ามาสนามบินต้องใช้ความระมัดระวังและชะลอความเร็วเป็นระยะ

สำหรับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสนามบินก่อนหน้านี้ อาทิ ปัญหาการลำเลียงกระเป๋า การเช็กอินล่าช้า ความสับสนในเรื่องสถานที่ ฯลฯ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผย จากนายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ว่า ขณะนี้ปัญหาได้รับการแก้ไขจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเรื่องระบบการลำเลียงกระเป๋าผู้โดยสารที่เคยล่าช้านานนับชั่วโมง ก็มีเวลารอไม่เกินครึ่งชั่วโมง

"แท็กซี่ป้ายดำป่วน"


ส่วนเรื่อง ความสับสนเรื่องจุดเช็กอินผู้โดยสารนั้น ทางการบินไทย แก้ปัญหาด้วยการติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ เพื่อชี้แจงจุดเช็กอิน ให้ชัดเจนขึ้น และคาดว่าจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้ใน 7 วัน เนื่องจากได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาร่วมกันระหว่าง การบินไทย ทอท. และวิทยุการบิน อยู่บนชั้น 7 ภายในอาคารผู้โดยสาร เพื่อเป็นจุดประสานงานในการแก้ปัญหาของแต่ละฝ่าย เนื่องจากที่ผ่านมาเวลาเกิดปัญหาแล้วประสาน งานไม่ถูกฝ่าย ทำให้แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ซึ่งศูนย์ฯตั้งเมื่อค่ำ วันที่ 30 ก.ย. และเปิดทำงานเป็นวันแรก ในวันที่ 1 ต.ค.

นายโชติศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีแท็กซี่ป้ายดำแอบวนรถเข้ามารับผู้โดยสาร โดยไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจก่อปัญหาด้านความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร จึง ได้ประสานงานกับตำรวจ สภ.ต.ราชาเทวะ ขอให้ช่วยสอด ส่องดูแลและจับกุมแล้ว

"สุวรรณภูมิ ไม่หวั่นน้ำท่วม"


ส่วนเรื่องที่เป็นห่วงกันคือ สถานการณ์ฝนตกหนัก จากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น ช้างสาร นั้น นายโชติศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าห่วง และยืนยันว่าสนามบินสามารถรับน้ำ ได้ถึง 3.2 ล้าน ลบ.ม. แม้ฝนตกหนัก 7-10 วันต่อเนื่อง ก็ยังสามารถรับได้สบาย อย่างไรก็ตาม ไม่ประมาทได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่สนามบิน รวมถึงดูแลทางระบายน้ำต่างๆ ไม่ให้มีการอุดตัน และใน สนามบินจะไม่มีการระบายน้ำออกนอกพื้นที่

อันจะทำให้คนอยู่โดยรอบได้รับผลกระทบกับน้ำท่วมแน่นอน ส่วนเรื่องคนที่นำรถมาจอดดูเครื่องบินขึ้นลงที่บริเวณด้านข้างสนาม บินนั้น ไม่อยากถึงขั้นต้องไล่ เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่คงต้องขอความร่วมมือกันไปก่อน รวมถึงคนที่แห่มาเที่ยวชมภายในสนามบินที่ขณะนี้มีเยอะมากนั้น ก็ขอความ ร่วมมือให้เพลาๆกันไปก่อน มาดูเมื่อใดก็ได้ เพราะสนามบินยังเปิดใช้ไปอีกนาน

"ขอให้หยุดเยี่ยมชมก่อน"


ขณะนี้ปัญหาต่างๆได้เริ่มคลี่คลายลงไปเยอะหลังจากที่เปิดให้บริการมา 4 วัน แต่ ทอท.กลับพบปัญหา ใหม่ที่ไม่คาดคิดคือ ปัญหาของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเนืองแน่น จากที่ประเมิน มี ผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการจริงๆ เพียง 100,000 คนต่อวัน ขณะที่ผู้เยี่ยมชมประมาณ 100,000 คนเช่นกัน จึงอยาก ขอร้องและขอความร่วมมือประชาชนที่อยากเป็นส่วนหนึ่ง ของสนามบินสุวรรณภูมิให้หยุดมาเยี่ยมชมในช่วงนี้ออกไปก่อน

เพราะอาจไม่ได้รับความสะดวกสบายในเรื่องสิ่ง อำนวยความสะดวก เรื่องของห้องน้ำ ที่จอดรถ ร้านอาหาร รวมถึงปัญหาการจราจรติดขัด นายโชติศักดิ์กล่าว และว่าการย้ายสนามบินในช่วงเดือน ก.ย.ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะยังมีปริมาณผู้โดยสารใช้บริการในช่วงนี้น้อย แต่ พอถึงช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเพิ่ม มากขึ้น เนื่องจากเป็นฤดูการท่องเที่ยว และล่าสุดได้มีสายการบินกว่า 10 สายการบิน ได้ขอที่จะเข้ามาเพิ่มเที่ยวบิน

"เข้าระบบแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์"


ด้าน นายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่เปิดให้บริการมา 4 วันพบว่าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีอุปกรณ์ ล่าช้า นอกจากนี้ ยังมีการประสานงานกับ ทอท.เรื่องหลุมจอดเครื่องบินไม่ให้มีเครื่องบินมาจอดก่อน 3 ชั่วโมง เพราะจะทำให้ระบบในลานจอดล่าช้า นอกจากนี้ มีการประสานงานระหว่าง ทอท.วิทยุการบิน การบินไทย และกระทรวงคมนาคม ในการตั้งศูนย์ประสานงานฯ ที่ชั้น 7 อาคารผู้โดยสาร เพื่อสรุปและแก้ปัญหา

รวมถึงเร่งติดตั้งโทรศัพท์ระบบไอทีโฟนให้มีเครือข่ายและโครงข่ายมากขึ้น เพื่อจะไม่ให้มีปัญหาในการติดต่อเจ้าหน้าที่ในการประสานงาน ส่วนระบบขนถ่ายกระเป๋ามีการติดตั้งศูนย์ เปลี่ยนถ่ายกระเป๋าเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพในการรับกระเป๋ากับสายพานที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ในวันที่ 2 ต.ค. จะมีการประเมินผลการทำงานอีกครั้งว่าการทำงานเข้าสู่ระบบได้แค่ไหน โดยเบื้องต้นประเมินว่าการทำงานเข้าสู่ระบบได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ หากเกิดปัญหาน่าจะเกิดจากความเหนื่อยล้าของผู้ทำงาน

"ต.ค.นี้พัฒนาได้ระดับศูนย์กลางการบินภูมิภาค"


นายโชคชัยอีกกล่าวว่า เชื่อว่าในวันที่ 2 ต.ค.นี้ จะเข้าสู่มาตรฐานที่การบินไทยเคยทำไว้ และหลังวันที่ 15 ต.ค. จะเข้าสู่ระบบอย่างเต็มที่ และภายในสิ้นเดือน ต.ค. จะเริ่มพัฒนาศักยภาพไปอีกระดับหนึ่งในการรองรับที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนี้

ในนามของการบินไทย ขอกราบขอโทษผู้โดยสารที่ไม่ได้รับความสะดวกสบายในการบริการช่วงแรก แต่จะพยายามทำให้ดีขึ้น ในช่วงนี้อาจไม่สะดวก เพราะยังอยู่ ระหว่างการปรับระบบ ซึ่งในส่วนนี้สัปดาห์หน้าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นายโชคชัยให้คำยืนยัน

"แถวรถยาวเหยียด 3-4 กม."


สำหรับการแก้ปัญหาคนแห่มาจอดรถชมวิวและถ่ายภาพช่วงเครื่องบินขึ้น-ลง ตามเส้นทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่มาจากถนนบางนา-ตราด ที่มีจำนวนมากจนรถต่อแถวยาวร่วม 3-4 กม. เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ทอท.ได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขี่มอเตอร์ไซค์ติดโทรโข่งออกตระเวนตามเส้น ทางโดยรอบนอกสนามบิน ประกาศขอความร่วมมือประชาชนไม่ให้นำรถมาจอดตามไหล่ทางเพื่อรอชมทิวทัศน์ แต่ก็ยังไม่ได้ผล เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ ทอท.ผ่านเลยไป ประชาชนที่มาภายหลังก็นำรถมาจอดชมวิวตามรายทางเข้าสนามบินเช่นเดิม

จากนั้นในเวลา 13.30 น. แม้ผู้เกี่ยวข้องกับสนามบินสุวรรณภูมิจะพยายามแก้ปัญหาการให้บริการ จนเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว แต่กลับยังมีผู้โดยสารคนไทยจำนวน 5 คน ที่เตรียมเดินทางไปกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ด้วยสายการบินไทย แอร์เอเชีย เที่ยวบิน เอฟดี 3702 ในเวลา 11.45 น.ต้องตกเครื่อง เนื่องจากเกิดความสับสนเรื่องประตูขึ้นเครื่องบิน

"ประสานงานไม่ตรงกัน"


ที่ในบอร์ดดิ้ง พาส ระบุ ทางขึ้นเครื่องที่ประตู ดี 8 แต่จอทีวีในสนามบินกลับระบุประตูขึ้นเครื่องเป็น ซี 8 ทำให้คนทั้ง 5 ไปรอที่ประตูซี 8 แทน จนกระทั่งเครื่องบินออกไปแล้ว เจ้าหน้าที่สายการบินไทยแอร์เอเชียถึงมาตาม ผู้โดยสารทั้ง 5 คนจึงเข้าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า ทางสายการบินได้ให้ข้อมูลเที่ยวบินนี้กับการท่าฯไปแล้ว

แต่ไม่ทราบว่าทำไมบนจอทีวีจึงมีการกำหนดประตูเข้าเครื่องขึ้นมาใหม่ จนทำให้ผู้โดยสารสับสนและตกเครื่อง ซึ่งทราบว่าในจอทีวีระบุเลขประตูใหม่นี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้โดยสารขึ้นเครื่องไปกว่าครึ่งลำแล้ว และผู้โดยสารอื่นที่ยึดเอาหมายเลขประตูออกตามบอร์ดดิ้งพาส สามารถขึ้นเครื่องทันทั้งหมด มีตกเครื่องเฉพาะกลุ่มห้าคนนี้เท่านั้น แต่ทางสายการบินก็รับผิดชอบด้วยการเปลี่ยนไฟลท์ให้บินในช่วงค่ำแทน


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์