พระราชทานบ้านใหม่2ยายหลานกรุงเก่าสุดปีติ

สองยาย-หลานเมืองกรุงเก่าปลื้มปีติ หลังบ้านที่ในหลวงทรงพระราชทานให้ตามคำถวายฎีกาขอแล้วเสร็จ เตรียมเข้าอยู่ได้ 27 มิ.ย.นี้ เจ้าตัวให้คำมั่นขอตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุด ขอทดแทนคุณในหลวง พร้อมฝันชีวิตอยากเป็นกุ๊ก หลังเรียนจบด้านอาหารและโภชนาการ


นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่เปรียบมิได้ หลังนายเมธาพร จุมพิศ อายุ 17 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 32/1 หมู่ 7 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ปี 2 คณะคหกรรมศาสตร์  ผู้ทูลเกล้าถวายฎีกาไปยังสำนักราชเลขาธิการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานความช่วยเหลือ เนื่องจากบิดา-มารดาเสียชีวิต ต้องเผชิญชีวิตยากลำบากกับยายเพียงลำพัง  ล่าสุดบ้านพักหลังใหม่ที่พระราชทานมาให้นั้น กำลังจะแล้วเสร็จสามารถเข้าอยู่ได้แล้ว


เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน น.ส.จุฑามาศ ศรีจามร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า

ได้รับหนังสือจากสำนักพระราชวัง หลังจากความทราบว่านายเมธาพรเขียนฎีกาทูลเกล้าฯ ถวาย ซึ่งสำนักราชเลขาฯ ก็ได้ให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเป็นไปตามที่ได้เขียนถึง ทราบว่านางอนงค์ ธารีสืบ ยายของนายเมธาพร ก็มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนหลานก็เรียนหนังสือด้วย


ทั้งนี้ หลังจากที่โปรดเกล้าฯ สร้างบ้านให้นางอนงค์และหลานชายแล้ว ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงได้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนา

และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้มีการสร้างบ้านในที่ดินของวัดร้างเดิม ล่าสุดการสร้างบ้านนั้นทางเทศบาลเมืองอโยธยาเป็นผู้จัดสร้าง และทางสำนักราชเลขาธิการ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จหมดแล้ว โดยจะมีพิธีมอบอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มิถุนายนนี้
นายเมธาพร กล่าวว่า  ดีใจมากที่จะได้มีที่อยู่เป็นของครอบครัว เนื่องจากบ้านที่ปลูกเอาไว้เดิมมีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก หลังคารั่วซึม หลังจากนี้ไปจะตั้งใจเรียนหนังสือ เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำความดีเพื่อทดแทนคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรของพระองค์




นางอนงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันตนอยู่กับหลานชาย ซึ่งมีอายุ 17 ปีแล้ว กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาพระนครศรีอยุธยา

โดยพ่อแม่ของหลานชายเสียชีวิตตั้งแต่นายเมธาพรยังจำความไม่ได้ ตนเลี้ยงดูมาโดยตลอด ยอมรับว่า ที่ผ่านมาประสบปัญหาในเรื่องที่อยู่อาศัย เนื่องจากปลูกอยู่ในที่ดินสาธารณะและถูกไล่ที่เป็นประจำตั้งแต่เมื่อปี 2547 เป็นต้นมา จนในที่สุดเมื่อปี 2548  นายเมธาพร ได้เขียนหนังสือถวายฎีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระทั่งได้รับหนังสือตอบรับจากทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่า สำนักพระราชวังจะให้การช่วยเหลือสร้างบ้านให้ตนและหลานได้อยู่อาศัย


"รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ที่ผ่านมาก็จะพยายามเลี้ยงดูหลานชายให้เป็นคนดี และพยายามประกอบอาชีพเท่าที่ทำได้เพื่อดำรงชีวิตอยู่" นางอนงค์ กล่าวอย่างปลาบปลื้ม


ขณะที่นางพรทิพย์ ธัญญลักษณ์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า

ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนายเมธาพรมาตลอด ก่อนหน้านี้เคยเรียนอยู่วิทยาลัยการต่อเรือพระนครศรีอยุธยาแผนกวิชาไฟฟ้า แต่ด้วยพัฒนาการทางความคิด เห็นว่านายเมธาพรไม่ค่อยถนัดในวิชานี้ จึงแนะนำให้เรียนทางด้านอาหารและโภชนาการ ซึ่งต่อมาปรากฏว่าเรียนได้ดีมีความขยันและตั้งใจ ทางสถาบันพร้อมที่จะส่งเสริมให้นายเมธาพรเรียนจนจบ และมีทุนการศึกษาให้ตลอด
อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าเด็กจะมีพัฒนาการทางสมองช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่ก็มีความตั้งใจในการเรียนมาก ถือว่าไม่เป็นอุปสรรคใดๆ ทางผู้อำนวยการ อาจารย์ก็ได้ดูแลเป็นอย่างดี โดยสอนวิชาทำอาหารและขนมให้ ตามความใฝ่ฝันของนายเมธาพรที่อยากเป็นกุ๊กต่อไป 

  
สำหรับนายเมธาพร เคยเขียนฎีกาทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานความช่วยเหลือ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2548 โดยเขียนด้วยลายมือของตนเอง  ขณะที่อายุ 13 ปี

มีข้อความว่า "กระผม ด.ช.เมธาพร จุมพิศ อายุ 13 ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.1/2 โรงเรียนประตูชัย บิดาชื่อ ประสาร จุมพิศ มารดาชื่อ อมรรัตน์ จุมพิศ ทั้งสองคนเสียชีวิตแล้ว ขณะนี้อาศัยอยู่กับยายชื่อ นางอนงค์ ธารีสืบ อายุ 71 ปี โดยปลูกกระต๊อบอยู่ในที่ดินของเพื่อนบ้าน แต่กำลังจะถูกยึด ปัจจุบันมีเฉพาะเงินบำนาญตกทอด เดือนละ 1,700 บาท ยายไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จึงไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายในการดำรงชีพ และค่าศึกษารวมทั้งอาจไม่มีที่อยู่อาศัย จึงขอได้โปรดกรุณาช่วยเหลือกระผมและยายด้วย"


ต่อมาความทราบถึง และมีรับสั่งผ่านราชเลขาธิการ ให้ประสานจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในการช่วยเหลือ 

ซึ่งสำนักราชเลขาธิการได้จัดการสร้างบ้านชั้นเดียว เลขที่บ้าน 81/12 หมู่ 4 ต.ไผ่ลิง บนพื้นที่ว่างเปล่าของวัดร้าง อยู่ติดกับสำนักงานเทศบาลเมืองอโยธยา บนเนื้อที่ 25 ตารางวา เป็นบ้านทรงปั้นหยา หลังคากระเบื้อง มีรั้วโดยรอบ ขนาดบ้าน กว้าง 5 เมตร ยาว 8 เมตร มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีการติดตั้งระบบไฟฟ้า ด้านหลังบ้านมีพื้นที่ว่างเปล่า ให้มหาวิทยาลัยเกษตรหันตรา ดำเนินการปลูกพืชล้มลุกรั้วกินได้ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขณะเดียวกันให้เป็นบ้านต้นแบบสำหรับประชาชนนำไปก่อสร้างเป็นแบบอย่างได้


ส่วนเรื่องการศึกษานั้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ให้ความช่วยเหลือด้วยการจัดสรรหนังสือยืมเรียน และเครื่องเขียน

พร้อมให้ทุนการศึกษาแก่ผู้มีรายได้น้อยปีละ 1 หมื่นบาท และสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ให้ทุนการศึกษาปีละ 2,000 บาท และจะมีการส่งมอบอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มิถุนายนนี้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์