พระราชทานช่วยดช.ป่วย ไขกระดูกฝ่อรํ่าไห้สุดปลื้ม

โรงพยาบาลระดมแพทย์เข้าให้การช่วยเหลือเด็กชายที่ล้มป่วยด้วยโรคไขกระดูก

หลังหนูน้อยเขียนจดหมายทูลเกล้าฯถวายฎีกาถึง “พ่อของแผ่นดิน” ขอพระราชทานความช่วยเหลือ โดยเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 18 มี.ค. นายฐากร ธรรมประทีป ผอ.กองนิติการ สำนักราชเลขาธิการ พร้อมด้วย พล.ต.กิตติพล ภัคโชตานนท์ ผอ.รพ.พระมงกุฎเกล้าและทีมแพทย์ รพ.พระนครศรีอยุธยา นางพูนสุข ณ สงขลา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะเหล่ากาชาดเดินทางไปที่ห้องแถวให้เช่าเลขที่ ฎ 3/5 ซอยเจริญสุขหมู่ 5 ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าเยี่ยมอาการป่วยของ ด.ช.ศุภักษร เรืองศรี หรือ “น้องโจ้” อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลลำนารายณ์ จ.ลพบุรี ที่ป่วยด้วยโรคไขกระดูกสันหลังฝ่อ พร้อมมอบถุงยังชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แก่ครอบครัวของ ด.ช.ศุภักษร สร้างความปลื้มปีติเป็นล้นพ้นให้กับ ด.ช.ศุภักษรและนางปราณี อินทร์ขำ อายุ 34 ปี ผู้เป็นแม่เป็นอย่างมากถึงกับร่ำไห้ดีใจน้ำตาอาบแก้ม สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกร
 

ก่อนหน้านี้ ด.ช.ศุภักษรได้เขียนจดหมายทูลเกล้าฯถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ขอพระราชทานความช่วยเหลือ หลังแพทย์ตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคไขกระดูกสันหลังฝ่อตั้งแต่ปลายปี 2550 ที่ผ่านมา โดยข้อความในจดหมายระบุว่าครอบครัวยากจน อีกทั้งพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวได้เสียชีวิตไปแล้ว อาการป่วยเริ่ม แสดงอาการหนักขึ้นทุกวัน ร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง รวมถึงไม่สามารถสร้างเกล็ดเลือดเองได้ และยังพบตุ่มผุดขึ้นทั่วร่างกาย ต้องปิดปากปิดจมูกด้วยผ้าป้องกันเชื้อโรคขณะพูดคุยกับคนอื่น เพราะร่างกายอ่อนแอรับเชื้อโรคจากสภาพแวดล้อมได้ง่ายกว่า คนปกติ

หากเวลาโรคกำเริบจะขับถ่ายปัสสาวะออกมาเป็นเลือด อาเจียนออกมาเป็นเลือด

ตลอดเวลา 2-3 เดือน ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเป็นค่าเดินทางไปยัง รพ.พระมงกุฎเกล้าและค่ายาซึ่งเป็นยาพิเศษนอกกลุ่มยาในบัญชีบัตรทอง ประมาณแล้วเสียค่าใช้จ่ายครั้งละเกือบ 2,000 บาท โดยต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แพทย์แนะนำว่าควรผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนและปลูกถ่ายไขกระดูก อาจต้องใช้เงินเกือบ 800,000 บาท แต่หากไม่รักษาก็อาจจะเสียชีวิต ต่อมาสำนักราชเลขาธิการมีหนังสือตอบกลับแจ้งให้ทราบว่าได้รับหนังสือร้องเรียนแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการช่วยเหลือ
 

นายฐากร ธรรมประทีป ผอ.กองนิติการ สำนักราชเลขาธิการ กล่าวว่า

ขณะนี้ได้ปรึกษากับทีมแพทย์แล้วพบว่าจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายไขกระดูกเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ตรวจสอบประวัติพบว่า ด.ช.ศุภักษรมีน้องชายแท้ๆอีก 2 คน จำเป็นต้องตรวจน้องชายทั้ง 2 คนด้วย ว่าเป็นโรคนี้ด้วยหรือไม่ หากไม่เป็นก็สามารถนำไขกระดูกของน้องชายคนใดคนหนึ่งมาปลูกถ่ายให้ ด.ช.ศุภักษร เพื่อสร้างไขกระดูกขึ้นมาใหม่ และน้องชายที่มอบไขกระดูกให้ก็จะไม่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพแต่อย่างใด แต่ สำหรับ ด.ช.ศุภักษรพบว่าเปอร์เซ็นต์หลังการผ่าตัดจะกลับมาสมบูรณ์ตามเดิมประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายทางผู้ปกครองไม่ต้องกังวลใจเพราะสำนักราชเลขาธิการ และ รพ.พระมงกุฎเกล้าจะดูแลให้
 

ในขณะที่ ด.ช.ศุภักษร เรืองศรี กล่าวด้วยความดีใจว่าอยากผ่าตัดโดยเร็วเพื่อหายจากโรค ถึงวันนี้ตนเอง มีกำลังใจดีมากในการต่อสู้กับโรค

เพราะได้รับพระราชทาน พระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในขณะที่นางปราณี อินทร์ขำ ผู้เป็นแม่กล่าวว่ามีอาชีพค้าขายอาหารตามสั่งอยู่ที่ตลาดเจ้าพรหม จ.พระนครศรีอยุธยา มีรายได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆ  เงินจากรายได้ นอกจากแบ่งไว้เป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 2,000 บาทแล้ว ที่เหลือยังต้องเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกเรียนหนังสือ รู้สึกสงสารลูกชายที่ล้มป่วย ลำพังตนเองไม่มีปัญญารักษาลูกเพราะฐานะยากจน ตอนนี้สอบถามลูกชายทั้ง 2 คนแล้ว ทุกคนพร้อมใจช่วยพี่ชายคนโต เพื่อให้หายจากโรคร้าย ครอบครัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าฯทั้งสองพระองค์ที่ทรงช่วยเหลือ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์