ญี่ปุ่นเอาจริง เฝ้าจับตา ผีน้อยเสี่ยงถูกยกเลิกวีซ่าฟรี


ญี่ปุ่นเอาจริง เฝ้าจับตา ผีน้อยเสี่ยงถูกยกเลิกวีซ่าฟรี


กต.เผย ญี่ปุ่นเอาจริง เฝ้าจับตา "ผีน้อย" พุ่งสูง พักหลังโยงยาเสพติด เสี่ยงถูกยกเลิกวีซ่าฟรี

วันที่ 13 มี.ค.67 นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในประเด็นคนไทยใช้วีซ่าฟรีญี่ปุ่นผิดวัตถุประสงค์หรือผีน้อยเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลักหมื่นคน จนอาจนำไปสู่การยกเลิกวีซ่าฟรีในปี 2568 ว่า ญี่ปุ่นมาประชุมในกรอบความร่วมมือด้านกงสุลไทย-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 (Consular Consultations) ที่กรุงเทพ เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว โดยฝ่ายญี่ปุ่นยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ และกล่าวว่า คนไทยอาศัยวีซ่าฟรี 15 วัน พออยู่ครบ 15 วันแล้วหายตัวไป โดยไปทำงานทั้งในกรุงโตเกียวหรือนอกกรุงโตเกียว ซึ่งในกรุงโตเกียว ส่วนใหญ่ทำงานนวดสปา นอกกรุงโตเกียว ทำงานฟาร์มเกษตร

"ฝ่ายญี่ปุ่นระบุว่า ตัวเลขคนไทยใช้วีซ่าฟรีอยู่อย่างผิดกฎหมายในญี่ปุ่นปี 2566 กระโดดพุ่งเป็น 11,472 คน ซึ่งเขาบอกว่า ขึ้นมาเร็วมากเลยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าจากราว 9,000 คน การที่ญี่ปุ่นพูดในประเด็นนี้ถือว่า ญี่ปุ่นจริงจัง เนื่องจากปกติญี่ปุ่นจะไม่พูด"

ในปี 2568 ครบกำหนดการทบทวนวีซ่าฟรีที่ญี่ปุ่นให้แก่ประเทศต่างๆรวมถึงไทย โดยญี่ปุ่นจะทบทวนว่า สาเหตุที่มี "ผีน้อย" เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากเกิดจากการปัจจัยใด เกิดจากวีซ่าฟรีอย่างเดียวหรือไม่ หรือปัจจัยอื่นร่วมด้วย เนื่องจากตั้งแต่มีวีซ่าฟรีตัวเลขคนไทยอยู่เกินวีซ่าค่อยๆ เพิ่มจากหลักร้อย หลักพัน กระโดดไปหลักหมื่น และต้องป้องกันไม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ รวมถึงหลักแสนคน

นายรุจ กล่าวต่อว่า
ในที่ประชุมตนได้บอกกับญี่ปุ่นว่า แม้มีปัญหาอยู่เกินวีซ่า แต่จำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปญี่ปุ่นสูงขึ้นด้วย เพิ่มเป็นหลักล้านแล้ว ซึ่งช่วยให้ธุรกิจญี่ปุ่นได้รายได้เพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมญี่ปุ่นเองยังต้องการแรงงานต่างชาติอยู่ ซึ่งญี่ปุ่นเข้าใจ

ขณะนี้ตัวเลขคนไทยใช้วีซ่าฟรีญี่ปุ่นในทางที่ผิดขึ้นอันดับ 1 รองลงมาเป็นเวียดนาม แต่เวียดนามไม่ได้อาศัยวีซ่าฟรี เพราะญี่ปุ่นยังไม่ให้วีซ่าฟรีกับเวียดนาม โดยเวียดนามเข้าไปในลักษณะของการเข้าไปฝึกงานแล้วแอบอยู่

นายรุจ ระบุด้วยว่า
ปัญหาการอยู่เกินวีซ่าของคนไทยในช่วงหลังเกี่ยวพันกับยาเสพติดด้วย โดยคนไทยกลุ่มนี้ใช้วีซ่าฟรีเข้าไปในญี่ปุ่นผ่าน "มาม่าซัง" ซึ่งเป็นคนไทยที่ชักชวนแรงงานจากคนในชาติเดียวกันมาทำงานในญี่ปุ่นและมีการติดต่อกับแก๊งอาชญากรรม โดยเมื่อไปทำงานแล้วไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ และไม่ได้เปลี่ยนจากวีซ่าท่องเที่ยวเป็นวีซ่าทำงาน รวมถึงค่าตอบแทนเงินเดือนที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดนเอาเปรียบจึงหนีกลับไทยแล้วเกิดการแจ้งตำรวจและฟ้องร้องคดีกันเกิดขึ้นด้วย

สำหรับโทษในการอยู่เกินวีซ่าของญี่ปุ่นคล้ายเกาหลีใต้ คือถูกขึ้นบัญชีดำและเนรเทศกลับประเทศ และหากทำผิดกฎหมายอื่นๆจะถูกดำเนินคดีด้วย

อธิบดีกรมการกงสุลระบุว่า
ตนเข้าใจญี่ปุ่น จึงรีบนำคณะไปหารือกับหน่วยงานที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้ญี่ปุ่นเห็นว่า ไทยมีความตั้งใจและจริงใจในการแก้ปัญหา เพราะเห็นว่า ญี่ปุ่นเตือนมาแล้ว หากเราเพิกเฉยอาจนำไปสู่การยกเลิกวีซ่าฟรีได้ ซึ่งในปี 2568 ถึงคราวที่ญี่ปุ่นทบทวน และอาจมีจุดนึงที่เขายกเลิก ดังนั้นจึงต้องช่วยกัน เพื่อไม่ให้ประเด็นของคนกลุ่มน้อยกระทบคนหมู่มาก

ฝ่ายไทยรับจะดูแลบริษัททัวร์ของไทยแจ้งรายงานการตรวจนับจำนวนคนไป-กลับ ในขณะเดียวกันทางญี่ปุ่นรับว่าจะแจ้งไทยด้วยเกี่ยวกับรายชื่อคนที่อยู่เกินวีซ่าเพื่อที่ไทยจะได้นำรายชื่อรวบรวมในบัญชีที่ต้องจับตา ซึ่งที่ผ่านมา ญี่ปุ่นไม่ได้แจ้งไทย และว่าไทยจะประชาสัมพันธ์เชิงรุกมากขึ้น ที่ผ่านมาตนมองว่า ตักเตือนกันน้อยไป

ในการหารือที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือน ก.พ. กรมการกงสุลหารือกับหน่วยงานญี่ปุ่นรวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงสมาคมคนไทย โดยอธิบายว่า ปัญหานี้คงไม่จบ แต่ไทยมีความจริงใจในการลดปัญหา และว่ามีอุปสงค์ เพราะมีอุปทาน ซึ่งญี่ปุ่นยอมรับ แต่ญี่ปุ่นย้ำว่าปัญหาอยู่เกินวีซ่าต้องไม่เกินจำนวนจนลุกลามไปยังปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์