รพ.น่าน เตือนระวัง โรคเนื้อเน่า หลังพบผู้ป่วย 1 เดือน 25 คน


รพ.น่าน เตือนระวัง โรคเนื้อเน่า หลังพบผู้ป่วย 1 เดือน 25 คน

วันนี้ (24 ก.ค.2562) โรงพยาบาลน่าน แจ้งเตือนประชาชนระวังโรคเนื้อเน่า และหนังเน่า (Necrotizing fasciitis) หรือแบคทีเรียกินเนื้อคน หลังช่วงเดือน ก.ค. มีผู้ป่วยเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลน่าน จำนวน 25 คน โดยมีอาการรุนแรงเข้ารับการรักษาในไอซียู 1 คน

เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน มิ.ย. มีผู้ป่วยเพียง 2 คน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการระบาดของโรคเนื้อเน่า โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีประวัติไปดำนา ลุยโคลน และโดนหอย หรือเศษแก้วบาด เศษไม้ตำเท้า และไม่ได้ทำแผล หรือรักษาใดๆ เนื่องจากต้องทำนาให้เสร็จ ทำให้เชื้อโรคเข้าไปในบาดแผล และเพิ่มจำนวนจนเกิดอาการรุนแรงได้




รพ.น่าน เตือนระวัง โรคเนื้อเน่า หลังพบผู้ป่วย 1 เดือน 25 คน


รพ.น่าน เตือนระวัง โรคเนื้อเน่า หลังพบผู้ป่วย 1 เดือน 25 คน

สำหรับโรคเนื้อเน่าส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อโรคทั้งชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน เช่น คลอสติเดียม และเชื้อชนิดใช้ออกซิเจน เช่น สแตปฟิโลคอคคัส สเตรปโตคอคคัส ชนิดที่สามารถสร้างสารพิษได้ โดยอาการจะมีผิวหนังบวมแดงร้อน หากเชื้อลงลึกกินทั้งชั้นผิวหนังจะพบตุ่มพุพอง และค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นสีม่วง และถ้าเนื้อตายจะกลายเป็นสีดำ ผู้ป่วยบางคนอาจจะต้องตัดขา หรืออาจจะมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ไข้สูง และทำให้เสียชีวิต



รพ.น่าน เตือนระวัง โรคเนื้อเน่า หลังพบผู้ป่วย 1 เดือน 25 คน


รพ.น่าน เตือนระวัง โรคเนื้อเน่า หลังพบผู้ป่วย 1 เดือน 25 คน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย คือ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำได้แก่ ประวัติดื่มสุราประจำ เป็นโรคตับแข็ง โรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และการรับประทานยาสเตียรอยด์ ส่วนใหญ่โรคนี้จะระบาดในฤดูฝนในช่วงที่เกษตรกรลงดำนา ลุยโคลน โรงพยาบาลน่านจึงขอเตือนผู้ที่ทำนา หากมีแผลตามร่างกาย ให้รีบขึ้นจากโคลนแล้วล้างแผลด้วยให้น้ำสะอาด ซับด้วยผ้าสะอาด และปิดแผล ถ้ามียาฆ่าเชื้อโพวิโดนไอโอดีนสามารถใช้ทาแผลได้ แล้วรีบมาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อให้ตรวจรักษาต่อไป



รพ.น่าน เตือนระวัง โรคเนื้อเน่า หลังพบผู้ป่วย 1 เดือน 25 คน

ทั้งนี้ ในส่วนการรักษาแพทย์จำเป็นต้องตัดเนื้อตายออกให้หมด และให้ยาปฎิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ ถ้าเชื้อยังไม่ลุกลามเข้ากระแสเลือด ผลลัพธ์ของการรักษาจะค่อนข้างดี สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ได้ลงนา หรือไม่มีบาดแผลก็อาจจะติดเชื้อดังกล่าวได้ โดยการเกา หรือมีบาดแผลถลอกเล็กน้อย เชื้อสเตรปโตคอคคัส หรือสแตปฟิโลคอคคัสที่อยู่บริเวณผิวหนังอาจจะเข้าไปในแผลแล้วเกิดการติดเชื้อ ถ้าผู้ใดมีผิวหนังบวมแดงอย่างรวดเร็ว และมีตุ่มพุพองที่ผิวหนัง แนะนำให้รีบมาตรวจรักษาก่อนที่อาการจะลุกลามจนถึงขั้นเสียชีวิตได้


เครดิตแหล่งข้อมูล : thaipbs







เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : sml
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 171.98.16.92

171.98.16.92,,cm-171-98-16-92.revip7.asianet.co.th ความคิดเห็นที่ 1 [อ้างอิง]
เหมือนอีโบล่า


[ วันพุธ ที่ 24 กรกฎาคม 2562 เวลา 18:32 น. ]
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 4 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11:13 น. ]
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์