แม่ใจอำมหิตโยนลูกวัย 5 ขวบคอหัก ได้ยินข้ออ้างแล้วรับไม่ได้!!

แม่ใจอำมหิตโยนลูกวัย 5 ขวบคอหัก ได้ยินข้ออ้างแล้วรับไม่ได้!!


กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์ในขณะนี้ เมื่อมีผู้ร้องเรียนกรณีสาววัยรุ่นอายุ 17 ปี ได้ทำร้ายร่างกายลูกน้อยวัย 5 เดือน เพราะเกิดความอิจฉาริษยาที่ลูกน้อยของตนนั้นมีแต่คนรักและเป็นที่เอ็นดูของใครหลายคน โดยเฉพาะพ่อของเด็ก อีกทั้งยังมีพฤติกรรมชอบทำร้ายร่างลูกน้อยอยู่บ่อยครั้ง แต่เนื่องจากการทำร้ายร่างกายครั้งล่าสุดนั้นค่อนข้างสาหัส จึงทำให้นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราก่อนจะเสียชีวิตลงในที่สุด

ล่าสุด นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี พร้อมนายฟลุ๊ค (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี เข้ารับศพ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) วัย 5 เดือน หลังเข้ารักษาตัวที่รพ.ศิริราช ด้วยอาการ เลือดออกในสมองอย่างรุนแรง ซึ่งแพทย์ระบุว่า ด.ญ.เอ บาดเจ็บจากอาการกระดูกอ่อนคอหัก เลือดออกในสมองและใบหูฉีก จากการสอบถาม นางนฤมล อ่องกลิ่น อายุ 39 ปี ย่าของด.ญ.เอ กล่าวว่า ตนเป็นแม่บ้านของรพ.ศิริราช เงินทองไม่ได้มากมาย แม้แต่โลงศพของหลานไม่มีปัญญาซื้อ แต่ภายหลังคนใกล้ชิดทราบข่าวให้กำลังใจและช่วยเหลือเงินมาบางส่วน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจอย่างมากเพราะหลานคนเดียว เป็นผู้หญิงกำลังอยู่ในวัยน่ารักเลี้ยงง่ายไม่เรื่องมาก ตนรู้สึกรับไม่ได้ และในวันเกิดเหตุไม่มีคนอยู่บ้าน ลูกชายกับตนไปทำงานแต่มีคนในชุมชนเห็นหลายคน ยอมรับว่าเคยมีปากเสียงกับสะใภ้คนนี้บ่อยครั้ง สาเหตุมาจากการเลี้ยงลูก เมื่อลูกสะใภ้โกรธหรือมีปัญหาอะไรก็จะมาลงกับลูก ตีลูกทำร้ายลูก คนในชุมชนละแวกบ้านต่างก็รักและห่วงหลานสาว

ด้าน นาย ฟลุ๊ค พ่อของด.ญ.เอ กล่าวว่า คบกับ น.ส.บี ประมาณ 2 ปีเศษ ไม่ได้จดทะเบียน แฟนสาวเป็นคนอารมณ์รุนแรงและขี้หึงมาก กระทั่งมีลูกด้วยกันซึ่งตนอยากมีมานานแล้ แต่แฟนสาวไม่อยากมี ขณะตั้งครรภ์ยังพยายามจะเอาลูกออกด้วยการทำแท้ง บางครั้งทุบท้องตัวเอง แกล้งตกบันได แต่ตนสอนเรื่องของบาปบุญคุณโทษจนลูกคลอดออกมา ส่วนเรื่องคดีต่อจากนี้ ตนอยากให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนศพของลูกสาวจะนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดอนงคาราม วรวิหาร แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน เป็นเวลา 1 คืน ก่อนฌาปนกิจศพในช่วงบ่ายวันที่ 19 มกราคม โดยทางนางปวีณา และมูลนิธิฯ ได้ให้การช่วยเหลือและดูแล เงินจำนวน 10,000 บาท ส่วนทาง พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8ก มอบสมทบเป็นค่าทำศพอีก 5,000 บาท เนื่องจากทราบว่าครอบครัวค่อนข้างยากจนแม้แต่ค่าโลงศพยังไม่มี ต่อจากนี้ในส่วนของคดีคงต้องมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินคดีและค้นหาความจริง ส่วนการช่วยเหลือและเยียวยานั้นทางมูลนิธิฯ พร้อมจะดูแลต่อไป

ก่อนหน้านั้น นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี นำตัว น.ส.นฤมล อ่องกลิ่น อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ตรอกอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. เข้าพบ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.พิทักษ์ ปัญญาพร ผกก.สน.บุปผาราม เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีที่เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 5 เดือน หลานสาว ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสต้องผ่าตัดสมอง โดยมีเพื่อนบ้านเป็นพยานรู้เห็นว่า หลานสาวน่าจะถูก น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ทำร้ายร่างกาย โดยขณะนี้ ด.ญ.เอ ยังรักษาตัวอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู. รพ.ศิริราช หลังจากผ่าตัดอาการของด.ญ.เอก็ยังไม่ดีขึ้น นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่ห้อง ไอ.ซี.ยู. จนแพทย์บอกให้ตนทำใจ เพราะหัวใจของหลานเต้นแผ่วลง เริ่มมีอาการไตวาย และม่านตาปิด ส่วนน.ส.บี นั้นยังคงอ้ำอึ้งและย้ายออกจากบ้านเช่า ไปอยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมีเพื่อนบ้านช่วยทำเรื่องร้องทุกข์ไปขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้ช่วยติดตามคดีนี้ และหากพบว่า น.ส.บี ลูกสะใภ้ทำร้ายหลานสาวจริงๆ ตนยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด


น.ส.บี มีพฤติกรรมทำร้ายลูกอยู่เสมอ ชอบกล่าวหาว่าน้องเอแย่งความรักจากสามีไป ที่สำคัญตั้งแต่น้องเออายุได้ 2 เดือน เพื่อนบ้านก็เคยร้องทุกข์ต่อนักสังคมสงเคราะห์ให้เข้ามาตักเตือน น.ส.บี ครั้งหนึ่งแล้ว ล่าสุด ตนเพิ่งรู้มาว่าเมื่อช่วงสายวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา มีพยานปากสำคัญระบุ ได้ยินเสียง น.ส.บี ทำร้ายทุบตีน้องเอ ที่สำคัญยังได้ยินเสียงคล้าย น.ส.บี เอาสิ่งของขนาดใหญ่ทุ่มใส่พื้นบ้าน เมื่อพยานคนดังกล่าวเชื่อว่าน้องเอต้องถูกทำร้ายอีกแน่ๆ จึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ พบสภาพน้องเอมีเลือดออกที่ปากเป็นลิ่ม พอพยานอุ้มออกมา น.ส.บี ยังตะโกนถามเพื่อนบ้านไล่หลังด้วยว่า "มันตายหรือยัง?"

ทั้งนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บุปผาราม ได้ทำการจับกุมตัวน.ส.บี อายุ 17 ปี แม่ของด.ญ.เอ มาทำการสอบสวนเบื้องต้นแล้ว โดยให้การรับสารภาพว่า ไม่พอใจที่ใครๆ ต่างก็รักและเอ็นดู ด.ญ.เอ แม้กระทั่งพ่อของลูกเองก็ตาม และเด็กชอบร้องงอแงจนทำให้โมโห ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสหวิชาชีพเพื่อดำเนินการต่อไป.


Cr.tnews

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์