ผู้ต้องหาฆ่าคนตายโผล่มอบตัวผ่านรายการตีสิบ

ต้องหาคดีฆ่าโผล่มอบตัวตำรวจผ่านรายการตีสิบ รับก่อคดีตั้งแต่ลักรถกระบะแล้วผันตัวเองเป็นผู้รับเหมา สุดท้ายถูกเถ้าแก่เมืองชลเบี้ยวเงินค่าจ้าง เมื่อคู่เขยทราบเรื่องยัวะแทนชวนกันหิ้วอาก้ายิงถล่มลูกน้องเถ้าแก่ อ้างที่ทำผิดเพราะถูกข่มเหง


เหตุการณ์ผู้ต้องหาหนีหมายจับในคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นขอเข้ามอบตัวผ่านทางรายการตีสิบของพิธีกรคนดัง ถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 มิถุนายน

พ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ ผกก.สน.ท่าข้าม และ ร.ต.ท.พูลศักดิ์ ชุมพล ร้อยเวร สน.ท่าข้าม นำกำลังตำรวจสายตรวจเดินทางไปยังสตูดิโอรายการตีสิบ ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.เพื่อจับกุมนายจักรพันธ์ ตั้งสวัสดิ์เมือง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 8 ต.ท่ากระดาน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดชลบุรี เลขที่ จ.378/2549 ลงวันที่ 3 เมษายน 2549 หลังได้รับการติดต่อจากนายวิทวัส สุนทรวิเนตร์ ผู้ดำเนินรายการตีสิบว่า นายจักรพันธ์เสนอตัวให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านทางรายการเพื่อออกอากาศช่วงสนทนา


ทั้งนี้ นายจักรพันธ์เป็นผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร เหตุเกิดในท้องที่ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อต้นปี 2549
ระหว่างกำลังอัดรายการอยู่นั้น นายจักรพันธ์เล่าว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการหลบหนีความผิดคดีอาญา 2 คดี คดีแรกเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2548 ขณะไปรับจ้างเป็นกรรมกรก่อสร้างใน จ.ภูเก็ต ได้ก่อเหตุขโมยรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บฉ 7276 ภูเก็ต ของนายยุ่น เจือกโว้น เถ้าแก่ แล้วขับรถหลบหนีเข้ามาหากินอยู่ใน กทม. เหตุที่ตัดสินใจก่อเหตุเพราะเห็นว่าค่าแรงที่ได้รับวันละ 180 บาทไม่พอยังชีพ หลังจากขโมยรถมาแล้วก็เปลี่ยนชื่อเล่นจากเดิมชื่อ“จักร” เปลี่ยน“หมู” ส่วนนามสกุลเดิม “ไกรทอง” ก็เปลี่ยนเป็น “ตั้งสวัสดิ์เมือง”

จากนั้นตั้งตัวเป็นผู้รับเหมาหาลูกน้องมาเป็นลูกมือ รับงานก่อสร้างเล็กๆ น้อยๆ ในกรุงเทพฯ ได้เพียง 3-4 งาน ก็เริ่มท้อใจ

เพราะหนีคดีอยู่จึงต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ไม่สามารถรับงานใหญ่ได้ เนื่องจากต้องใช้หลักฐานหลายอย่าง กลัวถูกตำรวจตามจับได้ กระทั่งเงินเริ่มขาดมือเพราะรับทำแต่งานง่ายค่าตอบแทนต่ำ จึงตัดสินใจย้ายไปหารับเหมางานในพื้นที่ จ.นครปฐม ได้สักระยะก่อนเดินทางต่อไปในพื้นที่ จ.ชลบุรี


นายจักรพันธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเดินทางไปที่ จ.ชลบุรี จึงพบรักกับภรรยาชาว จ.บุรีรัมย์ ตนได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดสมัยที่เคยก่อเหตุขโมยรถนายจ้างให้ฟัง

ภรรยาก็เข้าใจช่วยติดตามญาติพี่น้องมาเป็นคนงานให้ และช่วยกันปกปิดความลับมาโดยตลอด ระหว่างนั้นตนใช้ชื่อภรรยาเป็นผู้รับเหมางานแทนทั้งหมด กระทั่งได้ไปรับงานต่อจากผู้รับเหมารายใหญ่กว่าชื่อบริษัทร้อยเรือน จำกัด แต่หลังจากทำงานไปได้สักระยะ ช่วงต้นปี 2549 ต้องก่อคดีร้ายแรงติดตัวเป็นคดีที่สอง เพราะถูกเถ้าแก่บริษัทแม่โขกสับสารพัด แทนที่จะได้รับเงินงวดต่องวด กลับโดนผัดผ่อนให้ไปรับเงินทีเดียวงวดที่ 4 แม้เที่ยวแรกที่ตนไปทวงเงินจะบอกเหตุผลว่า ลูกน้องไม่มีข้าวกินกำลังจะอดตาย แต่เถ้าแก่ก็ไม่ยอมจ่าย จึงตัดสินใจพาลูกน้องไปทวงเงินอีกครั้ง


นายจักรพันธ์ กล่าวว่า แต่คราวนี้กลับต้องไปเจอกับลูกน้องของเถ้าแก่นับสิบคน บางคนพกอาวุธปืนขนาด .38 โชว์ให้เห็น และไม่ยอมให้ใครเข้าไปคุยกับเถ้าแก่ยกเว้นตนเพียงคนเดียว

โดยเถ้าแก่ยื่นข้อเสนอว่าจะให้เงิน 4 งวด เพียง 3 หมื่นบาท จากยอดจริงกว่า 7หมื่นบาท ซึ่งไม่พอเพราะต้องจ่ายค่าแรงให้ลูกน้องถึง 16 คน ตนจึงตัดสินใจขู่ไปว่า ถ้ามีระเบิดสัก 5 ลูกจะถอดสลักแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะตัวนี้ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ เร่งเครื่องขับวนอยู่อย่างนั้นคล้ายคนบ้า จนเถ้าแก่เรียกเข้าไปคุยอีกครั้ง นายจักรพันธ์ กล่าวอีกว่า การเข้าไปคุยครั้งนี้เถ้าแก่ได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเงินให้อีกไม่กี่พันบาท ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงยอมเซ็นสัญญารับเงินจำนวน 3 หมื่นกว่าบาทหมุนให้ลูกน้องก่อนจะเดินร้องไห้ออกจากที่ตรงนั้นเพราะถูกพวกใจดำโกง ท่ามกลางสายตาของลูกน้องเถ้าแก่ที่มองกันอย่างเหยียดหยาม เมื่อขับรถไปถึงบ้านพักได้เล่าเรื่องให้ภรรยาฟัง แล้วตัดสินใจพากันย้อนกลับเข้าไปที่แคมป์คนงานเพื่อขนลูกน้องและข้าวของออกมาทั้งหมด แต่เมื่อขนถึงรอบสุดท้ายกลับถูกเถ้าแก่พาพวกมาขวางไม่ให้ตนขับรถออกจากแคมป์คนงานจนเกือบจะมีเรื่องกัน


นายจักรพันธ์กล่าวว่า ตอนนั้นตนเข้าไปแจ้งความกับ ร้อยเวร สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ท้องที่ที่เกิดเหตุเพื่อเรียกร้องให้เถ้าแก่จ่ายเงินที่เหลือทั้งหมด แต่ร้อยเวรแนะนำว่าไม่น่าจะคุ้มกันกับการที่เราจะต้องเสียเงินแสนบาทไปเป็นค่าฟ้องร้องทวงคืนเงินแค่หลักหมื่น

ตนจึงต้องหนีกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิดของภรรยาที่ จ.บุรีรัมย์ พอญาติๆ ภรรยาทราบเรื่องก็ไม่มีใครยอม โดยเฉพาะคู่เขยชื่อนายทอง (ไม่ทราบนามสกุล) อายุประมาณ 40 ปี เป็นอดีตผู้ต้องขังคดีค้าอาวุธสงครามนานถึง 18 ปี ได้พาตนไปขุดเอาอาวุธปืนอาก้า พร้อมเครื่องกระสุนจากกลางป่าขึ้นมาล้างทำความสะอาด และวางแผนชักชวนกันขับรถกระบะขนอาวุธปืนเดินทางย้อนกลับไปล้างแค้นที่ จ.ชลบุรี อีกครั้ง


ผู้ต้องหาคนเดิมกล่าวว่า เมื่อเดินทางไปถึง จ.ชลบุรี ตนพร้อมกับนายทองนำอาวุธปืนไปฝังดินไว้ ก่อนจะไปเช่ารถจักรยานยนต์มาใช้

รอจนพลบค่ำจึงพากันไปขุดอาวุธปืนขึ้นมา โดยตนทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์พานายทองซ้อนท้ายไปหาเถ้าแก่ที่สำนักงาน ปรากฏว่าไฟปิดหมดจึงลองขับไปที่แคมป์ของพวกโฟร์แมน เห็นไฟเปิดอยู่และมีคนเดินออกมา ตนจำได้ว่าคนนั้นคือนายอนันต์ ฐานสินเพิ่ม หนึ่งในกลุ่มลูกน้องของเถ้าแก่ที่คอยยืนคุมเชิงตนอยู่ในวันนั้น จึงชี้เป้าให้นายทองนำอาวุธปืนอาก้าที่ซุกอยู่ในเสื้อคลุมออกมาลั่นไกยิงใส่นายอนันต์ทันที 4 นัด ขณะนั้นตนเห็นนายอนันต์หงายท้องลงไปแล้วพยายามคืบคลานหนีตาย จึงตัดสินใจลากตัวนายทองขึ้นรถแล้วเร่งเครื่องหลบหนีออกมาจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทราบว่า เหยื่อกระสุนเสียชีวิตหรือไม่ จากนั้นจึงได้พากันหลบหนีกลับไปกบดานใน จ.บุรีรัมย์ เป็นเวลานานหลายเดือน


“ช่วงที่ผมหลบหนีคดีอยู่นั้น รู้สึกคิดถึงแม่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมากว่า 2 ปี และคิดถึงแผ่นดินบ้านเกิดใน จ.สุราษฎร์ธานี มาก ครั้นจะเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กลัวจะถูกอิทธิพลมืดคุกคาม และกลัวจะโดนซ้อม จึงได้โทรหา 1133 เพื่อขอเบอร์ฝ่ายรายการตีสิบ และโทรเข้ามาแจ้งความประสงค์ขอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านทางรายการตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดยอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนโหดร้าย ที่ทำไปเพราะความโกรธที่ถูกข่มเหงเท่านั้น” นายจักรพันธ์กล่าว


ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เชิญนางลัดดา ไกรทอง อายุ 65 ปี มารดาของนายจักรพันธ์เข้ามาในสตูดิโอ ขณะกำลังถ่ายทำรายการอยู่

ทันทีที่แม่ลูกพบหน้ากัน นายจักรพันธ์ได้ก้มลงกราบเท้าและเข้าสวมกอดผู้เป็นแม่ด้วยความดีใจ โดยนางลัดดากล่าวว่า เพิ่งจะรู้วันนี้เหมือนกันว่า ลูกชายไปร่วมก่อเหตุยิงคนมา ก่อนหน้านี้ทราบเพียงว่าลูกชายหนีคดีขโมยรถเท่านั้น อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่ลูกชายจะเข้ามอบตัวชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น จะได้กลับตัวกลับใจออกมาเป็นคนดี และมีโอกาสกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านเหมือนเดิม


ด้าน พ.ต.อ.ชาญกล่าวว่า หลังจากเดินทางมารับตัวนายจักรพันธ์ ผู้ต้องหา เรียบร้อยแล้ว จะนำไปควบคุมที่ห้องขัง สน.ท่าข้าม ก่อนเป็นเวลา 1 คืน

และจะประสานพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี มารับตัวไปดำเนินคดีในเช้าวันที่ 1 กรกฎาคม สำหรับโทษที่นายจักรพันธ์จะได้รับนั้น ยังเบากว่าความผิดฐานฆ่าคนตาย เจ้าตัวยังมีโอกาสกลับตัวกลับใจไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ถือว่าเจตนาของผู้ต้องหาที่ติดต่อขอเข้ามอบตัวผ่านรายการโทรทัศน์เป็นเรื่องที่ดี เพราะถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้กระทำผิดรายอื่นด้วย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์