ปล้นแบงก์ ในสุวรรณภูมิ ขน 3.3 ล้าน!

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 22 มิ.ย. ขณะที่ พ.ต.ท.กวีรัตน บังคมธรรม พนักงานสอบสวน สภ.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่บนโรงพัก

ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนภัยจากธนาคารกรุงเทพ สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รีบรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ ไปสอบสวนเกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต. วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ธีรเดช ภานุรักษ์ ผกก.สภ.ราชาเทวะ พ.ต.ท.อรรถพล ธนุสิทธิ์ รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.วชิรพงษ์ แก้วดวง รอง ผกก.(ป.)และชุดสืบสวน
  

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสำนักงานชั้นเดียวขนาดหน้ากว้าง 10 เมตร ตั้งอยู่มุมซ้ายของพื้นที่จอดรถ ภายในสถานีจอดรถรับส่งผู้โดยสาร โซนจี

ด้านหน้าอยู่ห่างจากถนนประมาณ 50 เมตร และอยู่ห่างจากด่าน รปภ. ที่แลกบัตรจอดรถประมาณ 20 เมตร ด้านหลังของธนาคารเป็นสถานีจอดรถรับส่งผู้โดยสารหรือบัสเทอร์มินอล ภายในธนาคารพบเจ้าหน้าที่ธนาคารและพนักงานทำความสะอาดรวม 8 คน ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือทั้ง 8 คน ส่วนที่เป็นผู้หญิงยังถูกผ้าเทปกาวสีน้ำตาล ปิดปากและตา เจ้าหน้าที่รีบช่วยกันแก้ออกอย่างทุลักทุเล  พร้อมสอบปากคำแต่ละคนอย่างละเอียด พบบางคนถูกทำร้ายจนใบหน้าฟกช้ำ
 

สอบปากคำ น.ส.สายชล ภวังคนัน อายุ 38 ปี แคชเชียร์ของธนาคาร สภาพใบหน้าฟกช้ำ มีเลือดไหลออกจากปากเล็กน้อยให้การว่า ธนาคารเปิดบริการทุกวัน ไม่มี วันหยุด


โดยเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 07.30 น. ขณะที่กำลังเปิดประตูเพื่อเข้าสำนักงานเป็นคนแรก ได้มีชาย 2 คน แต่งกายคล้ายตำรวจ ผมเกรียน อายุประมาณ 35 ปี ผอมสูงราว 170 ซม. สวมกางเกงขายาวสีดำ เสื้อคลุมสีดำ ด้านหลังปักคำว่า
“POLICE” สาวเท้าเดินตามเข้ามาอย่างกระชั้นชิด ตอนแรกเข้าใจเป็นลูกค้ามากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่ตั้ง อยู่ภายในธนาคาร ตอนนั้นยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาทำงาน 


น.ส.สายชลให้รายละเอียดวินาทีก่อนถูกปล้นอีกว่า หลังเข้ามาในธนาคาร 1 ใน 2 คนร้ายได้ใช้หมวกไหมพรมมาสวมเป็นไอ้โม่ง แล้วใช้ทั้งปืนพกกับมีดปลายแหลมคนละอย่าง ตรงเข้าจี้บังคับไม่ให้ขัดขืน


พร้อมสั่งให้เปิดตู้เซฟ แต่ตนลังเลใจเลยถูกคนร้ายจับศีรษะโขกกับขอบตู้เซฟอย่างแรง แถมเงื้อฝ่ามือตบหน้าฉาดใหญ่จนหน้าหงาย แถมยังขู่ฆ่าให้ตายยกครัว หากโวยวายหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยความกลัวตายเลยต้องเปิดตู้เซฟให้ ตอนแรกเปิดไม่ได้เพราะตนรู้เพียงรหัสและต้องใช้ไขกุญแจไขอีกชั้นหนึ่ง ส่วนกุญแจอยู่กับ น.ส.พิมพ์วรี ตันศรีวงษ์ อายุ 40 ปี พนักงานธนาคารอีกคน จังหวะนั้นปรากฏว่า น.ส.พิมพ์วรีเดินทางมาทำงานพอดี เลยถูกคนร้ายปรี่เข้าล็อกตัว บังคับให้ไขกุญแจตู้เซฟแล้วจับใส่กุญแจมือและใช้ผ้าเทปพันปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง


ระหว่างเหตุการณ์ปล้นเงียบดำเนินการอยู่นั้น ได้มีพนักงานทำความสะอาดและพนักงาน รปภ.ของธนาคารมาทำงานอีก 6 คน โดยไม่รู้ว่าด้านในถูกปล้น

พอทุกคนเข้ามาในธนาคารถูกคนร้ายใช้ปืนขู่บังคับห้ามส่งเสียงร้องและสั่งให้ไปนั่งรวมกันด้านในก่อนจับใส่กุญแจมือที่คนร้ายเตรียมมาจนครบหมด ขณะถูกพันธนาการ น.ส.อภิญญา หรกาญ อายุ 21 ปี แม่บ้านทำท่าจะวิ่งหนี เลยถูกคนร้ายกระชากตัวไว้แล้วใช้เท้าถีบจนร่างกระเด็นล้มกระแทกกับตู้เซฟของธนาคารจนได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานเดินผ่านมาแม้แต่คนเดียว
 

จากนั้น คนร้ายทั้งสองคนได้ใช้กระดาษกาวพันมือตัวเอง เพื่อป้องกันลายนิ้วมือติดตู้เซฟทิ้งไว้เป็นหลักฐาน


ก่อนล้วงมือไปหยิบเงินสดในตู้เซฟไปจำนวน 3 ล้านบาทเศษ ยัดใส่กระเป๋าเป้ที่เตรียมมา แถมยังหยิบเอาปืน .38 ของทางธนาคารที่มีไว้ให้ รปภ.ใช้พกติดมือไปด้วย ก่อนหลบหนีคนร้าย 1 ใน 2 ได้เดินไปยังเครื่องบันทึกภาพวงจรปิดแล้วถอดเอาเทปบันทึกภาพของวงจรปิดนำไปด้วย  และก่อนจากไปยังไม่วายหันมาขู่ตะคอกว่าห้ามแจ้งตำรวจอย่างเด็ดขาด  หากรู้ว่าใครแจ้งจะตามมาฆ่ายกครัวทันที
 

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบพยานด้านนอกอาคาร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสนามบินทราบว่า เห็นชาย 2 คน แต่งตัวคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ

สะพายถุงเป้ซ้อนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน ลษธ 990 จำหมวดจังหวัดไม่ได้ บริเวณหน้าธนาคารผ่านด่าน รปภ. ของสนามบิน มุ่งหน้าไปทางเขตลาดกระบังแต่ไม่ทราบว่าเป็นคนร้ายปล้นแบงก์เลยไม่สนใจ ส่วนสาเหตุที่สองวายร้ายสามารถเข้ามาปล้นอุกอาจครั้งนี้ เนื่องจาก รปภ. ของสนามบินเข้าใจว่าเป็นตำรวจเลยไม่สนใจที่จะตรวจบัตรทั้งขาเข้าและออกไปจากสนามบิน  และใช้เวลาใน การปฏิบัติการ 40 นาที ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับตามจุดต่างๆที่คนร้ายน่าจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนีแต่ไร้วี่แวว
 

หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวของเข้าไปภายในที่เกิดเหตุ
 

เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานที่คนร้ายอาจทิ้งร่องรอยไว้ ขณะเดียวกัน พล.ต.ท. ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 ได้มาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนประเมินสถานการณ์และพฤติกรรมของคนร้าย เพื่อวางแผนในการจับกุม โดยเจ้าหน้าที่มั่นใจว่าคนร้ายลงมือปล้นครั้งนี้ต้องเป็นคนในอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนร้าย 1 ใน 2 ที่สวมไอ้โม่งอำพรางใบหน้าระหว่างลงมือ  และยังรู้ว่าพนักงานคนไหนรู้รหัสและคนถือกุญแจตู้เซฟ การป้องกันลายนิ้วมือรวมทั้งรู้จุดที่ตั้งกล้องวงจรปิดด้วย
 

ด้าน พล.ต.ท.ฉลองเปิดเผยหลังประชุมว่า จากการตรวจสอบพบว่าเงินสดถูกปล้นไป 3,300,000 บาท


คดีนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.ราชาเทวะ  ชุดสืบสวนจังหวัดและชุดสืบสวนภาค 1 ร่วมกันหาข่าวจับกุมคนร้าย เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นผู้ที่ทำงานภายในสนามบินสุวรรณภูมิ  และมีการวางแผนการทำงานเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องการขู่ฆ่านั้นขอให้ญาติของพนักงานอย่าได้หวั่นวิตก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลในเรื่องของความปลอดภัยอย่างเต็มที่ หากมีเหตุไม่ชอบมาพากลขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์