นิติเวชฯเผย โชเฟอร์รถตู้มรณะ ไม่เมา ไม่เสพ คาดคืน 25 ศพสู่ญาติครบ

นิติเวชฯเผย โชเฟอร์รถตู้มรณะ ไม่เมา ไม่เสพ คาดคืน 25 ศพสู่ญาติครบ

เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ แถลงถึง การตรวจชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตู้ชนประสานงากับรถกระบะ จนเกิดไฟลุกไหม้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 25 ศพ ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ว่า แพทย์นิติเวช ได้ทำการตรวจชันสูตรศพของผู้ขับขี่รถตู้เรียบร้อยแล้ว โดยผลจากการตรวจเลือด และเนื้อเยื่อ ของผู้ขับขี่ ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีสารเสพติด เจือปนอยู่ ทางแพทย์มั่นใจว่าการตรวจดีเอ็นเอ และเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกาย ในปัจจุบันค่อนข้างมีความแม่นยำ และเชื่อถือได้อย่างแน่นอน

ผบก.นต. กล่าวว่า เมือวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ทางสถาบันนิติเวชฯได้ส่งศพคืนให้ญาติแล้ว 11 ราย วันนี้จะคืนศพให้ญาติเพิ่มเติมอีก 8 ราย และอีก 3 รายอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ ส่วนอีก 3 รายที่เหลือรอญาติเข้ามาติดต่อรับศพ คาดว่ามั้งหมดจะเสร็จในค่ำคืนนี้ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตจะต้องรอสรุปผลทางห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ว่าจะเกิดจากขาดอากาศหายใจหรืออุบัติเหตุไฟไหม้

        ด้านพล.ต.ต. ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการสอบสวน เพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทุกฝ่าย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา "ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ตาย" กับผู้ขับรถตู้โดยสาร แต่ถือว่าคดีสิ้นสุดในกระบวนการกฎหมายอาญา เนื่องจากผู้กระทำความผิดเสียชีวิต แต่ในทางกฎหมายแพ่ง ญาติสามารถฟ้องเรียกร้องค่าเยียวยาจากผู้ที่เกี่ยวข้องได้ พร้อมกันนี้ยังได้ฝากถึงประชาชนให้ร่วมกันเป็นหูเป็นตา หากพบว่าผู้ขับขี่ ขับยานพาหนะด้วยความประมาท ขับเร็ว ที่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ให้บันทึกภาพเพื่อนำแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาผิดต่อไป

รองโฆษกตร. กล่าวด้วยว่า จากการประเมินการในช่วงเทศกาลปีใหม่พบว่า มีผู้ใช้ความเร็วเกิดที่กฎหมายกำหนด และขับรถประมาทก่อให้เกิดอับัติเหตุขึ้น ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ออกมาตรการมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาในช่วงเทศกาลอื่น ๆ ต่อไป นอกจากการผู้ประกอบการรถตู้โดยสารควรปฎิบัติตามกฎหมาย คือ รถตู้จะต้องมีใบอนุญาตในการประกอบรถตู้โดยสาร หากไม่มีก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 20,000 - 100,000 และหากนำไปใช้ผิดประเภทก็จะมีความผิด มีโทษปรับตั้งแต่ 50,000 - 200,000 บาท อีกทั้งตัวผู้ขับขี่จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่และต้องใช้ถูกประเภท มิฉะนั้นจะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท 

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการระดมเข้มงวดในการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม - 4 มกราคม นั้น เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลักได้กว่า 600,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และไม่สวมหมวกกันน็อค ส่วนข้อหาเมาแล้วขับลดลงเหลือเพียง 10,000 กว่ารายเท่านั้น

ขอบคุณ matichon.co.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์