ตร.วิ่งไล่เงา...มาตรการล้างแก๊งเงินกู้

คมชัดลึก : เมื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้รับมอบหมายให้ทลายแก๊งเงินกู้ ที่เจ้าตัวเป็นนายทุนร่วมอยู่ด้วย มือที่เคยจับปืนกวาดล้างอบายมุขจะทอดผ่านมาถึง "ตัวเอง" ด้วยหรือไม่ และคนสีกากีลักษณะนี้มีวิธีการทำอย่างไร มาหาคำตอบกัน !?!

ข้อเท็จจริงที่รับรู้กันในกลุ่มเล็กๆ มาวันนี้เริ่มเป็นที่รับรู้กันมากขึ้น เมื่อศูนย์ปราบปรามการปล่อยเงินกู้และทวงหนี้นอกระบบ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เปินศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้านตลอด 1 เดือน พบว่า คนปล่อยเงินกู้และคนทวงหนี้ร้อยละ 80 เป็นตำรวจ


 ข้อมูลที่ได้มาจะถูกนำไปตรวจสอบก่อนดำเนินการจัดการเป็นขั้นตอนต่อไป แต่ในชั้นนี้ "คม ชัด ลึก" จะพาไปพบกับพันธมิตรเงินกู้ของตำรวจขนานแท้ อย่าง "สมบัติ" เสี่ยใหญ่นายทุนเงินกู้วัย 54 ปี เขาประกอบธุรกิจนำเข้าส่งออกเป็นอาชีพหลัก และนำเงินที่ได้มาปล่อยกู้เก็บดอกออกผล สร้างรายได้มหาศาลในแต่ละเดือนแต่ละปี ดีกว่าฝากแบงก์กินดอกหลายเท่า


 ด้วยอาชีพพ่อค้าและนายทุนเงินกู้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้สมบัติได้รู้จักและคลุกคลีกับตำรวจแทบทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายตำรวจใหญ่ในพื้นที่ และตำรวจขาใหญ่ประจำโรงพัก เมื่อรู้จักถึงขั้นสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจได้ ก็เข้าสู่การเจรจาหาเงินมาปล่อยกู้ โดยให้ตำรวจชั้นประทวนเป็นคนเก็บดอกเบี้ย ส่วนนายตำรวจได้ส่วนแบ่งตามแต่จะตกลงกัน "ส่วนใหญ่แบ่งกันคนละครึ่ง" เสี่ยบัติว่างั้น


 ขั้นตอนแรกก่อนปล่อยกู้ในพื้นที่นั้นๆ นายทุนจะศึกษาลักษณะพื้นที่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ตั้งแต่มีสถานบันเทิงมากไหม สถานบริการมีบ้างหรือเปล่า ตลาดสดกี่แห่ง แผงค้ารถเข็นขายของมีมากน้อยแค่ไหน หลังจากนั้นก็เริ่มปล่อยข่าวชนิดปากต่อปาก "ใครต้องการเงินกู้บอกดาบ...บอกจ่า...ฯลฯ" หรือจะใช้วิธีถ่ายเอกสารแผ่นเล็กๆ ไปติดประกาศตามแหล่งชุมชน เมื่อมีลูกค้าสนใจติดต่อมาก็เข้าสู่กระบวนการปล่อยกู้และรอเวลา "เก็บเกี่ยวดอกผลที่เหลือ" !?!


 ดอกผลที่เหลือ หมายถึง ดอกเบี้ยรายวันหลังจากปล่อยกู้ไปแล้ว ทั้งนี้ เวลาปล่อยกู้นายทุนจะหักดอกเบี้ยไว้ก่อนทันที เช่น กู้ 1 หมื่นบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 20-40 ต่อวัน ผู้กู้จะได้เงิน 6,000 บาท ส่วน 4,000 บาท ที่เหลือจะถูกหักเก็บไว้ นั่นคือดอกผลเต็มๆ ที่นายทุนจะแบ่งกับนายตำรวจใหญ่ในพื้นที่ หลังจากนั้นจึงเป็นดอกเบี้ยรายวันที่ทยอยเข้ามาสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ


 ส่วนการพิจารณา "สินเชื่อบุคคล" ในระบบเงินกู้นอกแถวจะขึ้นอยู่กับตำรวจ เสี่ยบัติให้เหตุผลว่า เป็นเพราะตำรวจย่อมรู้ดีว่า ใครคนไหนในพื้นที่มีเครดิตอย่างไร ประกอบอาชีพอะไร สามารถผ่อนชำระได้ในจำนวนเงินแค่ไหน จากนั้นก็นำมาพิจารณาปล่อยกู้ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่แค่หลักแสนบาท ในกรณีตามเก็บดอกเบี้ยรายไหนรายนั้นไม่กล้าเบี้ยว เพราะไหนคนทวงหนี้จะเป็นตำรวจ ไหนคนปล่อยกู้ (เท่าที่รู้) ยังเป็นนายตำรวจอีก หรือถ้าไม่มีไม่ให้จริงๆ ก็ไปดักรอหน้าบ้าน ไปหาหัวหน้าหรือนายจ้าง ขอหักเงินเดือนหรือเบิกเงินเดือนมาจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย


 นี่คือวิธีแรกพันธมิตรเงินกู้ระหว่างนายทุนกับนายตำรวจใหญ่ !?!


 หากว่าวิธีแรกยังสร้างความมั่งคั่งให้ไม่มากพอ นายตำรวจบางคนยังนำสมบัติเก่าออกมาปล่อย สมบัติเก่าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทรัพย์สิ่งของ แต่หมายความถึงเงินส่วยที่เก็บหอมรอมริบเอาไว้ แล้วให้ลูกน้องบ้าง หรือหลังบ้านบ้าง ทว่าวิธีการให้หลังบ้านไม่ค่อยนิยม เพราะสาวถึงตัวได้ง่ายกว่า ส่วนการทวงหนี้ก็ไม่แตกต่างกัน คือ ให้ตำรวจชั้นประทวนที่ไว้เนื้อเชื่อใจไปดำเนินการ ถ้าลูกหนี้รายไหนใจถึงคิดย้ายงานย้ายบ้านหนีส่วนใหญ่มักไม่พ้น เพราะแค่ตรวจสอบกับสำนักงานประกันสังคมเท่านั้นก็รู้แล้วว่าทำงานอยู่ที่ไหน


 "ส่วยเงินกู้นอกระบบไม่ค่อยมี เพราะแบ่งผลประโยชน์กันลงตัวแล้ว ไม่ต้องจ่ายอีก ยกเว้นพวกแปลกหน้า ที่เข้ามาปล่อยเงินทุนในพื้นที่ อาจต้องจ่ายเป็นรายเดือน หรือบางทีก็แค่ทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้นายตำรวจ เผื่อต้องการเรียกใช้ เรียกขอสนับสนุนบางเรื่อง"


 มีเรื่องจริงที่ขำไม่ออกอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเสี่ยสมบัติยังจำได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ คือ เมื่อหลายปีก่อนมีแม่บ้านตำรวจประจำโรงพักกลางกรุง หรือจะเรียกให้ถูกคือ ผู้ช่ำชองงานเดินเก็บส่วยและจัดการหน้าเสื่อต่างๆ ให้แก่ผู้บังคับบัญชา ถึงขนาดเปลี่ยนผู้กำกับการไปไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ตำรวจคนนี้ก็ยังสามารถทำหน้าที่เป็นแม่บ้านเหมือนเดิม


 จะว่าเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ รู้จักเก็บหอมรอมริบก็คงได้ แม่บ้านตำรวจคนนี้มีเงินที่ได้จากส่วยและเม้มจากนายจำนวนมากพอนำออกมาปล่อยกู้ให้แก่พ่อค้าแม่ขาย พนักงานสถานบันเทิง สถานบริการ ในพื้นที่ พร้อมกับสั่งห้ามนายทุนคนนอกเข้ามาทำกินในพื้นที่ สร้างรายได้เป็นเงินจำนวนมหาศาล กระทั่งวันหนึ่งแม่บ้านรายนี้ถึงแก่กรรม ทิ้งกองมรดกเป็นสิทธิ์ทำกิน (ปล่อยกู้) เอาไว้ให้บรรดาแม่หลวง แม่น้อย และสารพัดกิ๊ก เปิดศึกแย่งสมบัติกันยุ่งเหยิงไปหมดจนถึงทุกวันนี้

 เมื่อเจ้าของเงิน คนทวงหนี้ คนเก็บเกี่ยวดอกผล เป็นคนคนเดียวกับคนกวาดล้างจับกุมนายทุนเงินกู้ คงรู้แล้วสินะว่า ปลายทางของเรื่องนี้จะไปสิ้นสุดอยู่ตรงไหน !?!


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์