ญาติเมียประนามไอ้ปุ๊ฆ่ายกครัววอนประหาร แม่ยันลูกจิตใจดี คาดถูกกระทำก่อน

กรณีนายธีรพล ปิ่นอมร หรือปุ๊ เขยโหดบุกยิงยกครัว 5 ศพ ที่ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ หนึ่งในนั้นเป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 4 เดือน จากนั้นได้ขับรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีขาว หลบหนีไปจอดทิ้งไว้ในโรงแรมม่านรูด จ.พิษณุโลก แล้วขอยืมรถจักรยานยนต์แม่บ้านอ้างไปรับแฟน แต่นำไปจอดไว้ริมทางห่างจากโรงแรม 20 กิโลเมตร ก่อนจะมีรถยนต์ 2 คัน พาเผ่นหนี ล่าสุดจับกุมตัวได้แล้ว ที่ จ.ระนอง

ล่าสุด จนท.จับตัวนายธีรพลได้แล้ว ขณะไปแอบซ่อนตัวอยู่ที่กระท่อมหลังหนึ่ง ภายในสวนปาล์มน้ำมันใน จ.ระนอง เพื่อเตรียมหนีไปฝั่งพม่า ทั้งนี้ มีการเผยแพร่คลิประหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายธีรพล โดยพบว่า นายธีรพล พยายามตะโกนว่า "ผมให้จับ ผมให้จับ ไม่ต้องใช้ปืนนะ" โดยเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนถามว่า ทำไมถึงไม่สู้ นายธีรพล ได้ตอบกลับว่า "สู้ก็ตายสิ"

ทั้งนี้สาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ผู้ต้องหาสารภาพว่า มีความเครียดและกดดันจากการถูกครอบครัวภรรยาต่อว่าต่อขาน เหน็บแนมอยู่ตลอดเวลา จึงเกิดความกดดัน

ขณะที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้ว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่ เบื้องต้นยังคงให้น้ำหนักไปที่ประเด็นชู้สาวความหึงหวง ซึ่งทั้งสองอยู่กินกันมานานกว่า 1 ปี และมักมีปากเสียงและใช้ความรุนแรง เนื่องจากผู้ต้องหาติดเหล้าและใช้ยาเสพติด

ส่วนบรรยากาศงานศพของผู้เสียชีวิตเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ผู้สื่อข่าวพบกับคู่เขยของผู้ก่อเหตุ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณมือขวา เล่าว่า วันเกิดเหตุตนอยู่ในบ้านหลังที่พ่อตาถูกยิง ได้ยินนายธีรพลทะเลาะกับภรรยาขอคืนดีด้วย ตนจึงเดินออกมายืนดูบริเวณประตูหน้าบ้านจากนั้นนายธีรพลได้ชักปืนออกมายิงพ่อตาและภรรยา แล้วก็ไล่ยิงภรรยาของตนที่พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดไปหลังบ้าน โชคดีไม่โดนคมกระสุน 

จากนั้นนายธีรพล หันกระบอกปืนมาทางตนยิงใส่ 3 นัด จังหวะที่เอี้ยวตัวจะล้มกระสุนโดนบริเวณนิ้วมือจากนั้นก็กระโดนลงสระน้ำหลังบ้านวิ่งหนีไปหลบอยู่ในไร่ข้าวโพดข้างบ้าน ส่วนลูกสาววัย 9 ขวบ วิ่งเล่นบริเวณบ้านปลอดภัย นายธีรพลกับภรรยาทะเลาะกันประจำเรื่องที่นายธีรพลไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและหึงหวง ทุกครั้งที่ทะเลาะกันตนก็จะออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นเพราะรำคาญ ส่วนพ่อตากับแม่ยายไม่ค่อยมีปากเสียงกัน

ต่อมา ตร.ได้คุมตัวมาที่ สภ.ลับแล นายธีรพล มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และถอนหายใจเป็นช่วง ๆ ให้ข้อมูลสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าวว่าภรรยาไม่ได้ตั้งครรภ์เนื่องจากประจำเดือนเพิ่งมา ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ปฏิเสธให้ข่าวกับสื่อ ระบุว่า รอ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.ซึ่งจะเดินทางมาแถลงรายละเอียดทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.)

จากการสอบถามชุดสืบสวน เบื้องต้นทราบว่า นายธีรพล ลงมือก่อเหตุเนื่องจากสูญเสียเงินหลายล้านบาทกับภรรยาและครอบครัวที่เสียชีวิต และต้องการเงินคืนแต่ทุกคนไม่คืนให้จึงก่อเหตุดังกล่าว พร้อมกับบอกว่ายังแค้นและอยากจะฆ่าคู่เขยที่รอดชีวิตมาได้ให้ตายตามทั้ง 5 ศพ ไปด้วย

ด้านแม่ของผู้ต้องหากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายตนไม่ค่อยกลับบ้าน แต่ก็ยังติดต่อกับตนผ่านโทรศัพท์ตลอด ก่อนหน้านี้ลูกชายทำอาชีพพนักงานบริษัท ได้เงินเดือนถึง 6 - 8 หมื่นบาท และตนขอยืนยันว่าลูกไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องครอบครัวของลูกนั้น ตนไม่เคยได้ยินว่าลูกชายซ้อมหรือทำร้ายภรรยา อีกทั้งนายปุ๊ยังรักนางสาวอ้อมมาก และยังเคยพานางสาวอ้อมมาที่บ้านอีกด้วย

ส่วนที่มีข่าวว่าลูกชายโอนเงินกว่า 2 ล้านบาท ให้ตนไว้เพื่อสร้างบ้าน นั้น เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเพียงเงินที่ลูกชายโอนมาให้เป็นค่าเลี้ยงดูลูก ๆ เท่านั้น แต่ขณะนั้นตนเห็นว่าบ้านมีรอยร้าว จึงใช้เงินจำนวนดังกล่าวร่วมกับเงินของตนเพื่อซ่อมแซมบ้าน อีกทั้งเงินจำนวนดังกล่าว ลูกชายก็ไม่ได้ให้มาก้อนเดียว แต่ทยอยส่งให้มาทีละ หมื่นบ้าง แสนบ้าง

ตนยืนยันว่า ลูกชายเป็นคนใจดี หากไม่มีใครไปทำให้เจ็บปวดก็คงไม่ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เพราะขนาดตนหากลูกไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าลูกมีเงินมากมายขนาดนั้น จึงคาดว่าลูกทุ่มเทกับฝั่งโน้นไปมาก เมื่อถูกฝั่งโน้นกระทำจึงทนไม่ได้

ซึ่งตนได้พูดคุยกับลูกชาย ลูกก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ฝากให้ตนดูแลลูกทั้ง 3 ของภรรยาเก่า ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของตนกำลังปรึกษากันว่าจะช่วยกันประกันตัวนายปุ๊ออกมา หากว่าสามารถกระทำได้ ซึ่งหากสามารถประกันตัวออกมาได้จริง ตนก็เชื่อว่าลูกคงจะเข็ด และไม่ตามไปทำร้ายครอบครัวของผู้เสียชีวิตอีกแน่นอน

ส่วนคนขับกระบะพาผู้ต้องหาหนียืนยันว่าไม่รู้จักกับนายปุ๊ เพียงแต่ขณะเกิดเหตุอีกฝ่ายขับรถจักรยานยนต์มาเคาะกระจกรถของตนเพื่อขออาศัยรถไปด้วย โดยอ้างว่าต้องการจะกลับบ้านไปหาแม่ที่กรุงเทพฯ อีกทั้งยังบอกว่าจะช่วยค่าน้ำมัน ต่อมาตนจึงรับอีกฝ่ายขึ้นรถ และส่งอีกฝ่ายที่บริเวณแยกปลวกสูง จังหวัดพิจิตร

ซึ่งขณะที่นายปุ๊นั่งรถมากับตนนั้น อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีลุกลี้ลุกลน ไม่เห็นว่าพกปืน และเสื้อผ้าก็ไม่ได้มีรอยเลือด แต่พบว่ามีการโทรศัพท์ให้คนมารับต่อ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าปลายสายนั้นคือใคร กระทั่งต่อมาตนมาทราบความจริงว่าคนที่ตนให้ติดรถมาด้วยนั้นเป็นฆาตกร ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ

ในขณะที่นายเอกราช กำแหง ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยว่า วันเกิดเหตุก่อนที่จะลงมือฆ่ายกครัวทั้ง 5 ศพนั้น นายธีรพล ได้ทะเลาะ กับนางกัญญารัตน์ ซึ่งเป็นภรรยา นายธีรพล ได้ชักปืนออกมาเหมือนจะขู่ภรรยา ก่อนจะยิงพ่อตา จนล้มลงเสียชีวิต เพราะคิดว่าพ่อตาจะต่อสู้ ต่อจากนั้นก็ไล่ยิงภรรยาและน้องสาว คือ นางสุพัตรา กำแหง และตนเอง ซึ่งเป็นสามีของนางสุพัตรา จนต้องวิ่งหลบหนีเข้าป่าข้าวโพด จากนั้นได้แจ้งไปทางตำรวจ เมื่อจ้าหน้าที่ตำรวจมาตนจึงออกมาจากป่าข้าวโพด ซึ่งตัวเองถูกยิงนิ้วมือ เจ้าหน้าที่กู้ภัย นำตัวส่ง ร.พ.อุตรดิตถ์

โดย นายเอกราช ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า อยากจะร้องขอผู้เกี่ยวข้อง หรือผู้อำนาจนั้น ลงโทษนายธีรพล ให้เธอที่สุด โดยขอให้ประหารชีวิตฆาตกรเลย

ขอบคุณข้อมูล เรื่องเด่นเย็นนี้,เก็บตกจากเนชั่น