ชิดชัย ถกความมั่นคงปัดบี้คดี สนธิ โบ้ยเป็นหน้าที่ตำรวจ

ชิดชัย ถกความมั่นคงปัดบี้คดี สนธิ โบ้ยเป็นหน้าที่ตำรวจ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2549 14:42 น.

ข่าวดี ชิดชัย บอกไฟใต้ใกล้มอด ย้ำเจ้าหน้าที่เดินมาถูกทางแล้ว แต่ 130 คนไทยไม่ยอมกลับบ้านอ้างยังไม่ปลอดภัย ทำงงไม่รู้จักระบอบทักษิณ โบ้ยตำรวจดำเนินคดี สนธิ ชี้กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย

วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า การประชุมในวันนี้ได้พูดกันถึงสถานการณ์ม้งอพยพ สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงกรณี 130 คนไทยที่อพยพไปอยู่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานเพิ่มเติม รวมทั้งเจ้าหน้าที่เริ่มจับทางได้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการติดต่อของผู้ก่อการร้าย รู้เขามากขึ้น ส่วนเรื่อง 130 คนไทยนั้นได้รับข้อมูลว่าประชาชนเหล่านั้นยังแข็งขืนก็ไม่ยอมกลับ ทางการมาเลเซียก็ยังคงยึดถือความสมัครใจเป็นหลัก และเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหตุผลว่ามีสาเหตุจากอะไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นเหตุผลเดิม อย่างไรก็ตาม ทางการมาเลเซียก็ได้เกลี้ยกล่อมให้กลับ

เมื่อถามว่า ก่อนหน้าเคยบอกว่าจะมีข่าวดี แต่ขณะนี้เวลาล่วงเลยมานานแล้ว พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า ยืนยันเขาไม่ยอมกลับ ถามต่อว่าทางมาเลเซียได้ผลักดันให้คนกลุ่มดังกล่าวกลับหรือไม่ พล.ต.อ.ชิดชัย ตอบว่า ไม่ได้ผลักดัน แต่ยังอยู่สถานกักคนเข้าเมืองของมาเลเซีย

ต่อข้อถามว่า สาเหตุที่ยังไม่กลับเป็นเพราะบุคคลเหล่านั้นไม่มั่นใจในความปลอดภัยหรือไม่ พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า ไม่ใช่ ทางมาเลเซียเข้าใจประเทศไทยดี เรื่องความไม่ปลอดภัยเป็นเพียงข้ออ้างหนึ่งที่ยกขึ้นมาเท่านั้น ส่วนความชัดเจนในการหารือกับทางการมาเลเซียนั้นเจ้าหน้าที่ก็กำลังพยายามอยู่ รวมทั้งได้คุยในระดับปฏิบัติและนโยบายอยู่ ตนได้ประสานงานกับทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยอยู่ตลอด ยืนยันว่าเข้าใจกันดี ในระดับสูงก็ไม่มีปัญหา

พล.ต.อ.ชิดชัย ยังกล่าวถึงกรณีการจะตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ครอบครองที่ดินโดยมิชอบว่า เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของตน เป็นเรื่องของกระทรวงที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของตำรวจ ขณะนี้ตนไม่มีข้อมูล

เมื่อถามว่าเป็นส่วนหนึ่งในการเช็กบิลหลังการเลือกตั้งหรือไม่ พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า ไม่มี ใครจะไปเช็กบิลหลังการเลือกตั้ง ใครผิดก็ปล่อยไปตามผิด ตามกฎหมายของบ้านเมือง จะไปเช็กบิลได้อย่างไร ส่วนเรื่องหมายจับหรือหมายเรียกของนายสนธิจะมีความชัดเจนอย่างไรนั้นต้องไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ได้รับรายงานและยังไม่ได้คุย สำหรับกรณีที่ประชาชนฟ้องร้องนายสนธิทั่วประเทศจะเร่งรัดให้ดำเนินการเร็วหรือไม่นั้น ตำรวจก็พยายามรวบรวมเอามารวมกัน และวันนี้ก็ไม่ได้คุยกันเรื่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า เห็นอย่างไรที่พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวเพื่อล้มระบอบทักษิณ พล.ต.อ.ชิดชัย ย้อนว่าระบอบทักษิณคืออะไร ตนไม่ค่อยรู้ ไม่ค่อยเข้าใจ และวันนี้ก็ไม่มีการคุยกัน เพราะคิดว่าต้องมาร่วมกันสร้างประชาธิปไตยให้เดินต่อไป ไม่สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง เห็นหรือไม่ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ถอยอะไรก็ดีขึ้นหมด บรรยากาศก็ประชาธิปไตยก็ดีขึ้น อย่าไปสร้างความเครียดให้กับประชาชน ให้ยึดถือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ให้ปรองดอง ประเทศชาติไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน ต้องปรองดองร่วมกันสร้างประชาธิปไตย ทุกคนรักพระเจ้าอยู่หัว และต้องช่วยกัน

ศาลสั่งคดี ดามาพงศ์ ฟ้อง สนธิ มีมูล

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2549 13:29 น.

ศาลรับฟ้องคดี นายพลทหารเรือตระกูลดามาพงศ์ ฟ้อง สนธิคณะผู้บริหารเครือผู้จัดการ หมิ่นชินวัตร-ดามาพงศ์ โกงชาติขายหุ้นชินคอร์ป ร่างทรงเทมาเส็ก หลังไต่สวนเพียงปากเดียว โจทก์อ้างบรรพบุรุษตระกูลดามาพงศ์ได้รับราชการรับใช้บ้านเมืองและสร้างคุณงามความดีเพื่อประเทศชาติมาโดยตลอด ศาลนัดพร้อมคู่ความ 19 มิ.ย.นี้ 13.30 น.

วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก ในคดีที่ พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ ที่ปรึกษากองทัพเรือ ซึ่งเป็นญาติของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน, น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร, บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน, น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของ บ.แมเนเจอร์ฯ, นายขุนทอง ลอเสรีวานิช เจ้าของและผู้จัดทำเว็บไซต์ www.manager.co.th, บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด ผู้ผลิตรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร, นายศุภชัย วงศ์วรเศรษฐ์, นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายพชร สมุทวณิช ซึ่งเป็นกรรมการบริหาร บ.ไทยเดย์ฯ และนายปัญจภัทร์ อังคสุวรรณ ผู้ควบคุมดูแลเว็บไซต์ www.manager.co.th เป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่น และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

จากกรณี เมื่อวันที่ 24 ม.ค.49 นสพ.ผู้จัดการรายวันตีพิมพ์ข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง กล่าวหาบุคคลในตระกูลดามาพงศ์เรื่องการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และระหว่างวันที่ 4-5 ก.พ.49 นายสนธิ กับพวกได้จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรภาคพิเศษ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสดผ่านช่อง ASTV โดยนายสนธิดำเนินการปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ และได้พูดพาดพิงว่าตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ ร่วมกันโกงชาติบ้านเมือง

ทั้งนี้ ก่อนการไต่สวน โจทก์แถลงต่อศาลว่าเนื่องจากนายศุภชัย วงศ์วรเศรษฐ์ จำเลยที่ 7 ได้พ้นจากตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท ไทยเดย์ฯ แล้ว จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีในส่วนของจำเลยที่ 7 ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

เมื่อถึงเวลาไต่สวน ฝ่ายโจทก์ได้นำพยานเข้าสืบเพียงปากเดียว ซึ่ง พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ขึ้นเบิกความด้วยตนเอง สรุปว่า ที่ผ่านมาบรรพบุรุษตระกูลดามาพงศ์ได้รับราชการรับใช้บ้านเมือง และสร้างคุณงามความดีเพื่อประเทศชาติมาโดยตลอด ซึ่งบุคคลที่ใช้สกุลดามาพงศ์ที่รับราชการ นอกจากโจทก์แล้วยังมี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.ต.นพ.ธีระพงษ์ ดามาพงศ์ นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลตำรวจ

ทั้งนี้ ในส่วนการปฏิบัติหน้าที่รับราชการของโจทก์ได้ปฏิบัติตามนโยบายของกองทัพเรือมาโดยตลอด โจทก์ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองใดๆ เลย ซึ่งการที่พวกจำเลยทั้งสิบร่วมกันเผยแพร่ข้อความกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และตระกูลดามาพงศ์ว่า ...มีการรวมญาติ โกงกันทั้งตระกูล... รวมทั้งข้อความว่า ...สมัยก่อนมันโคตรโกง แต่สมัยนี้มันโกงกันทั้งโคตร... แม้ว่าจะไม่ได้ระบุชื่อบุคคลที่ชัดเจนแต่ก็ได้กล่าวอ้างถึงตระกูลดามาพงศ์จึงทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่ใช้สกุลนี้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย โดยผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และประชาชนทั่วไปจะเข้าใจและเชื่อว่าโจทก์มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองและการขายหุ้นบริษัทชินคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ตามที่พวกจำเลยกล่าวหา อีกทั้งการกระทำของจำเลยยังจะส่งผลต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของโจทก์ในอนาคตเช่นกันเพราะผู้บังคับบัญชาจะเกิดความไม่มั่นใจและเชื่อมั่นต่อตัวโจทก์

ภายหลังสืบพยานปาก พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ เสร็จสิ้นแล้วโจทก์ไม่ติดใจที่จะนำสืบพยานอื่น ศาลจึงพิจารณาคำเบิกความพยานโจทก์ในวันนี้แล้วเห็นว่าคดีมูล จึงมีคำสั่งประทับรับคำฟ้องไว้เพื่อพิพากษาต่อไป โดยศาลนัดพร้อมคู่ความเพื่อสอบคำให้การจำเลยทั้งสิบในวันที่ 19 มิ.ย.49 เวลา 13.30 น.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์