รวบ2ผู้ต้องหาแชร์เพชรตุ๋น400ล.

รวบ2ผู้ต้องหาแชร์เพชรตุ๋น400ล.

ดีเอสไอ นำหมายศาลเข้าจับกุม 2 ผู้ต้องหาแชร์เพชร หมู่บ้านหรูกลางเมืองนครปฐม อ้างเป็น คกก.ประมูลเพชรแห่งชาติ หลอกตุ๋นเหยื่อนำเงินมาร่วมลงทุน 400 ล. ด้านผู้ต้องหาปฏิเสธ พ้อเป็น 1 ในผู้เสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 55 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ท.ศันทนะ แก้วทับทิม รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 แถลงข่าวการจับกุมแก๊งแชร์ลูกโซ่ ซึ่งหลอกลวงประชาชนในพื้นที่ จังหวัดนครปฐมและกทม. โดยนายธาริต กล่าวว่า คดีนี้นางปุณยวีร์ รังสีอธิวัชร์ และพวกได้มาร้องทุกข์ต่อดีเอสไอว่า ถูกนางศรีวรินทร์ พูนธนารมย์ หรือ นางศันสนีย์ วนิชกีรติ และนายช่วงโชติ อัครปัญญวัฒน์ และนางธนลักษณ์ อัครปัญญวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ตามหมายจับของศาลอาญา หลอกลวงผู้ร้องกับผู้หายอื่นรวม 17 คน ในลักษณะการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงข้อความที่ทราบอยู่แล้วว่าเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งด้วยการแพร่ข่าวทางโทรศัพท์และชักชวนด้วยวาจา ให้ร่วมลงทุนในการประมูลเพชรกับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 53 ถึงวันที่ 6 ม.ค. 55 ดีเอสไอจึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการนำเงินไปลงทุนที่อ้างว่าจะได้กำไรสูง เพราะอาจจะเกิดปัญหาตามมา โดยรูปแบบของการหลอกลวงจะเปลี่ยนตัวสินค้าไปเรื่อย ๆ อาทิ ข้าวสาร เครื่องอุปโภคบริโภค ล็อตเตอรี่ น้ำมัน หรือทองคำ โดยล่าสุดแชร์เพชรมีมูลค่าความเสียหายถึง 400 ล้านบาท

นายธาริต กล่าวอีกว่า สำหรับพฤติการณ์แห่งคดีนี้ นางศรีวรินทร์ ได้วางแผนให้นายช่วงโชติและนางธนลักษณ์ ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับกลุ่มผู้เสียหาย ชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนกับนางศรีวรินทร์ โดยอ้างว่านางศรีวรินทร์ได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับเพชร และร่วมเป็นคณะกรรมการประมูลเพชรแห่งชาติ ทำหน้าที่ประมูลซื้อขายเพชรที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยจะได้ผลตอบแทนในอัตราสูง ซึ่งก่อนหน้านี้นายช่วงโชติและนางธนลักษณ์ได้ร่วมลงทุนแล้วได้ ผลตอบแทนสูงร้อยละ 18 เดือน เมื่อผู้เสียหายเริ่มสนใจนายช่วงโชติ และนางธนลักษณ์ จะแนะนำนางศรีวรินทร์ให้รู้จักกับผู้เสียหาย ซึ่งนางศรีวรินทร์อ้างว่า มีร้านขายเครื่องประดับเพชรชื่อ ฮ.เฮง เฮง อยู่ซอยละลายทรัพย์ ถนนสีลม และยังเป็นคณะกรรมการประมูลเพชรแห่งชาติ สามารถประมูลเพชรที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะประมูลเพชรที่นำเข้ามาจากต่างประเทศทุกสิ้นเดือนตามโรงแรมใหญ่ ในกรุงเทพฯ เมื่อประมูลเพชรได้แล้วจะนำไปขายให้กับลูกค้าที่ต้องการเองโดยผู้เสียหายไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพียงแต่รอรับผลประโยชน์ตอบแทนเท่านั้น โดยจะได้ผลตอบแทนอัตราร้อยละ 10 ของเงินลงทุนต่อเดือน หรือร้อยละ 120 ต่อปี

พ.ต.ท.ศันทนะ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกสินค้าจากกรมศุลกากรปรากฏว่านางศรีวรินทร์ และห้างร้าน ฮ.เฮง เฮง ไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้นำเข้า-ส่งออกกับกรมศุลกากร และมีร้าน ฮ.เฮง เฮงตั้งอยู่ที่ ซอยละลายทรัพย์ จริง จำหน่ายสินค้าหลุดจำนำและนำเข้าอัญมณีจากต่างประเทศ แต่มีนางมนัสนันท์ รับเป็นเจ้าของร้าน โดยให้การว่าไม่เคยรู้จักกับนางศรีวรินทร์ มาก่อน และตรวจพบเอกสารหลักฐานทางการเงินที่แสดงการโอนเงินระหว่างผู้เสียหายกับนางศันสนีย์ฯหรือนางศรีวรินทร์ และผู้เสียหายกับนายพัฒน์พงษ์ สันติภราภพ บุตรชายนายช่วงโชติกับนางธนลักษณ์

"จากการสอบถามไปยัง นายสมชาย พรจินดารักษ์ นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ได้รับคำตอบว่า ประเทศไทยไม่เคยมีคณะกรรมการประมูลเพชรแห่งชาติ ทั้งการจัดการประมูลเพชรเคยจัดครั้งเดียวเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา และ ไม่เคยรู้จักนางศันสนีย์ หรือนางศรีวรินทร์ว่าเป็นผู้นำเข้า-ส่งออกเพชรพลอย แต่อย่างใด"

พ.ต.ท.ศันทนะ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอจะขยายผลการจับกุมไปยังบุคคลอื่นที่อาจเข้าข่ายมีส่วนร่วมในขบวนการ ส่วนนางศันสนีย์ที่อยู่ระหว่างหลบหนีพบว่าบัญชีเงินฝากถูกถอนออกไปเกือบทั้งหมด ทรัพย์สินที่เหลืออยู่ขณะนี้จึงมีเพียงบ้านย่านสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ปิดตายไม่มีผู้พักอาศัยมาตั้งแต่ช่วงเดือนธ.ค. 2554 อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะส่งอัยการเพื่อส่งฟ้องศาลซึ่งการให้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ซึ่งกรณีคาดว่าจะต้องใช้เงินประกันตัวจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของมูลค่าความเสียหาย

นายช่วงโชติ อัครปัญญวัฒน์ ผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนถือเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย เนื่องจากได้นำเงินจำนวน 10 ล้านบาทไปร่วมลงทุนกับนางศันสนีย์ วนิชกีรติ ซึ่งเกี่ยวพันเป็นหลานสาว ทั้งนี้ที่ผ่านมา ตนไม่ได้ชักจูงให้กลุ่มผู้เสียหายร่วมลงทุนแต่ผู้เสียหายสมัครใจ และติดต่อขอเข้าร่วมลงทุนเอง เพราะเห็นว่าตนเองได้กำไรจากการทำธุรกิจดังกล่าวจำนวนมาก โดยครั้งแรกที่ร่วมลงทุนนางศันสนีย์ได้ให้ตนเป็นผู้นำเช็ดมูลค่ากว่า 240,000 บาทไปแลกเปลี่ยน และแบ่งส่วนต่างจำนวนหนึ่งให้ตนเป็นค่าตอบแทน ซึ่งจากการร่วมลงทุนดังกล่าวทำให้ตนมีเงินหมุนเวียนเป็นเช็คมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทในเวลาเพียง 2 ปี อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าการดำเนินการดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมาย อีกทั้งผลกำไรที่ได้รับจากการดำเนินการทั้งหมดนางศันสนีย์เป็นผู้เก็บไว้ แต่ขณะนี้ตนไม่สามารถติดต่อนางศันสนีย์ได้เลย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์