ทลายแก๊งตุ๋นเอทีเอ็ม-โผล่เชียงใหม่

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ก.ค. พล.ต.ต. ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก.

พร้อมกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการจากกองบัญชาการสอบสวนกลาง กองปราบปราม และตำรวจท่อง เที่ยวเชียงใหม่ จำนวน 100 นาย นำหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นในหมู่ บ้านจัดสรรระดับหรู 7 หมู่บ้าน ในเขต อ.เมือง อ.สันทราย และ อ.หางดง รวม 11 หลัง โดยเจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าตรวจพร้อมกันทั้ง 11 จุด

สำหรับบ้าน 11 หลัง ประกอบด้วย บ้านเลขที่ 77/99 หมู่บ้านกุลพันธ์วิวโครงการ 9, บ้านเลขที่ 231/39 หมู่บ้านมัณฑนา, บ้านเลขที่ 228/32 หมู่บ้านล้านนาวิว, บ้านเลขที่ 225/851 หมู่บ้านธารดง และบ้านเลขที่ 228/8 หมู่บ้านล้านนาธารา

ในพื้นที่ อ.หางดง บ้านเลขที่ 99/91 หมู่บ้านลัดดารมย์, บ้านเลขที่ 99/26 หมู่บ้านลัดดารมย์, บ้านเลขที่ 333/120 หมู่บ้านรีเจ้นท์ พื้นที่ อ.สันทราย และบ้านเลขที่ 171/1 หมู่บ้านกุลพันธ์ โครงการ 10, บ้านเลขที่ 171/42 หมู่บ้านกุลพันธ์วิวโครงการ 10 ในเขต อ.เมือง มีบ้านเลขที่ 231/39 หมู่บ้านมัณฑนา ต.สันผักหวาน อ.หางดง เป็นศูนย์ในการเชื่อมต่อประสานงานกัน ส่วนจุดอื่นเป็นจุดย่อย โดยขบวนการจะแบ่งคนออกไปอยู่ประจำ
ผลการเข้าตรวจค้นในบ้านหลังต่างๆ พบชาย หญิงชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และชาวไต้หวัน รวมทั้งสิ้น 94 คน

พร้อมอุปกรณ์เชื่อมต่อออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์การดักฟัง เครื่องโทรศัพท์ และอุปกรณ์อื่นๆ จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงทำการยึดของกลางทั้งหมดไว้ และให้ผู้ต้อง หาทั้งหมดเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าของแต่ละคน นำตัวไปสำนักงานตำรวจทางหลวงเชียงใหม่ ก่อนนำตัวเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. แถลงข่าวในวันที่ 22 ก.ค. เพราะถือว่าเป็นการทลายแก๊งคนร้ายออนไลน์ระดับใหญ่ข้ามชาติสำเร็จ

พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจสอบสวนกลางรับการประสานจากประเทศจีนและไต้หวัน

ว่าแก๊งคนร้ายมาปักหลักที่ประเทศไทยในการติดต่อหลอกหาเหยื่อในประเทศจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และไทย มีประชาชนถูกหลอกจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินไทยประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยขบวนการนี้จะมาอาศัยเช่าบ้านหรูในไทย จากนั้นก็จะแยกไปตามเมืองใหญ่ๆ เช่น ภูเก็ต สงขลา และเชียงใหม่ โดยการหลอกสาวชาวจีนและผู้ชายให้มาสมัครงาน และบางส่วนตั้งใจมาทำ

จากนั้นจะให้หญิงชาวจีนโทรศัพท์ข้ามประเทศไปยังประเทศจีน หลอกเหยื่อเป็นผู้โชคดี

หมายเลขโทรศัพท์ถูกสุ่มจับได้เงินนับแสน นับล้านบาท และหลอกให้เหยื่อไปที่ตู้เอทีเอ็ม จากนั้นก็จะให้ใช้ภาษาอังกฤษในการกดเอทีเอ็ม หลอกจนกดโอนเงินเข้าบัญชีของคนร้ายในที่สุด